4.
ระบบงานตรวจสอบ
-
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
-
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยงานค้างตรวจสอบภาษีอากรก่อนวันที่
1 พฤศจิกายน 2544
-
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยงานค้างตรวจปฏิบัติการก่อนวันที่
1 พฤศจิกายน 2544
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
ข้อ
1 วัตถุประสงค์
เพื่อให้การตรวจสอบภาษีอากรสอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
ซึ่งมีผลทำให้ระบบการตรวจสอบภาษีอากรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสม
และรองรับวิธีการบริหารการจัดเก็บภาษีอากรที่กำหนดขึ้น
ข้อ 2 หลักเกณฑ์การตรวจสอบภาษีอากร
2.1 การออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรในกรณีปกติ
ให้กระทำได้เฉพาะในกรณีที่มีหลักฐานบ่งชี้ หรือมีข้อมูลปรากฏว่าเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
โดยไม่สามารถใช้วิธีการอื่นเพื่อให้ผู้เสียภาษียื่นแบบเสียภาษีเพิ่มเติมด้วยตนเองให้ถูกต้อง
และต้องดำเนินการออกหมายเรียกให้เสร็จสิ้นภายใน 10 เดือน นับแต่วันครบกำหนดเวลาการยื่นแบบเสียภาษี
โดยให้ออกหมายเรียกเพียง 1 รอบระยะเวลาบัญชี/ ปีภาษี เท่านั้น
กรณีจำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียกตรวจสอบของรอบระยะเวลาบัญชี/ปีภาษีอื่น
นอกจากรอบระยะเวลาบัญชี/ปีภาษีดังกล่าวข้างต้น ให้ขออนุมัติต่อสรรพากรภาค
2.2 แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล
ให้กระทำได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบ เว้นแต่ เป็นกรณีที่ใกล้จะขาดอายุความการออกหมายเรียก
หรือไม่สามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในอายุความการออกหมายเรียก
2.3 คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการ
หากปรากฏว่าได้เลิกกิจการจริง ให้ยุติเรื่องโดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบ
เว้นแต่มีหลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่าเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
ข้อ 3 วิธีการตรวจสอบ
3.1 หมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรในกรณีปกติ
(1)
ให้หัวหน้าทีมกำกับดูแลกำหนดประเด็นตรวจสอบที่มีนัยสำคัญ และกำหนดแผนการตรวจสอบ
(2)
ให้ทำการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด
(3)
หากผลการตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่พบประเด็นความผิด ให้เสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อยุติการตรวจสอบ
หรือพบประเด็นความผิดทำให้ต้องประเมินภาษีเพิ่มเติม ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อทำการประเมินภาษีอากรให้ครบถ้วน
3.2 หมายเรียกตรวจสอบกรณีขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามแบบ
ค. 10 ที่ใกล้จะขาดอายุความการออกหมายเรียก หรือไม่สามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในอายุความการออกหมายเรียก
(1)
ให้หัวหน้าทีมกำกับดูแลกำหนดประเด็นตรวจสอบเฉพาะที่เป็นมูลเหตุการขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล
และกำหนดแผนการตรวจสอบ
(2)
ให้ทำการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด
(3)
ในกรณีเห็นสมควร ให้ออกตรวจสภาพกิจการเฉพาะประเด็นตามวิธีการใน
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบันเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมูลเหตุการขอคืนภาษีเท่านั้น
(4)
ให้นำผลการตรวจสภาพกิจการ ณ สถานประกอบการที่ได้ดำเนินการแล้ว
ภายใน 6 เดือน มาใช้ประกอบในการพิจารณาด้วย (ถ้ามี)
(5)
หากผลการตรวจสอบ ปรากฏว่า
(5.1)
มีภาษีที่ต้องคืน เนื่องจากมีผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 รอบระยะเวลาบัญชี
ให้ตรวจสอบสาเหตุซึ่งทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ๆ
(5.2)
ไม่พบประเด็นความผิด ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่ออนุมัติคืนเงินภาษีต่อไป
หรือพบประเด็นความผิดทำให้ต้องประเมินภาษีเพิ่มเติม ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อทำการประเมินภาษีอากรให้ครบถ้วน
3.3
แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล
(1)
กรณีมีมูลเหตุขอคืนภาษีชัดแจ้ง เช่น คำนวณภาษีไว้เกิน เสียภาษีผิดอัตรา
เสียซ้ำ เสียไว้โดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ได้รับการยกเว้นหรือลดอัตราภาษีตามกฎหมาย
เป็นต้น ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมูลเหตุที่ขอคืนกับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบ และ เสนอผลการตรวจสอบต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาอนุมัติคืนเงินภาษีต่อไป
(2)
กรณีมีมูลเหตุอื่นไม่เข้าตาม (1)
(2.1)
ให้หัวหน้าทีมกำกับดูแลกำหนดประเด็นตรวจสอบเฉพาะที่เป็นมูลเหตุ
การขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล และกำหนดแผนการตรวจสอบ
(2.2)
ให้ทำการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด
(2.3)
ในกรณีเห็นสมควร ให้ออกตรวจสภาพกิจการเฉพาะประเด็นตามวิธีการใน
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีฯ เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมูลเหตุการขอคืนภาษีเท่านั้น
(2.4)
ให้นำผลการตรวจสภาพกิจการ ณ สถานประกอบการที่ได้ดำเนินการแล้วภายใน 6 เดือน
มาใช้ประกอบในการพิจารณาด้วย (ถ้ามี)
(2.5)
หากผลการตรวจสอบ ปรากฏว่า
ก.
มีภาษีที่ต้องคืน เนื่องจากมีผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 รอบระยะเวลาบัญชี
ให้ตรวจสอบสาเหตุซึ่งทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ๆ
ข.
ไม่พบประเด็นความผิด ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่ออนุมัติคืนเงินภาษีต่อไป หรือพบประเด็นความผิดทำให้ต้องประเมินภาษีเพิ่มเติม
ให้ผู้เสียภาษียื่นแบบเสียภาษีเพิ่มเติมด้วยตน เองให้ถูกต้อง หากผู้เสียภาษีไม่ยินยอมชำระภาษี
ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุมัติออกหมายเรียก และ ทำการตรวจเฉพาะประเด็นที่กำหนดตามแผนการตรวจสอบ
(2.1) เพื่อประเมินภาษีที่ผู้เสียภาษีต้องชำระเพิ่มเติมให้ครบถ้วนต่อไป
3.4 คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการที่มีหลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่า เสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
(1)
แจ้งให้ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม เพื่อชำระภาษีให้ครบถ้วนตามข้อมูลที่ปรากฏ
แล้วยุติเรื่อง
(2)
หากผู้เสียภาษีไม่ยินยอมชำระภาษี ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุมัติออกหมายเรียก
และให้ทำการตรวจสอบเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ โดยดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.1 หมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรในกรณีปกติ
ข้อ
4 กำหนดเวลาดำเนินการ
4.1
กรณีออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีอากร ให้ดำเนินการออกหมายเรียกให้เสร็จสิ้น ภายใน
10 เดือน นับแต่วันครบกำหนดเวลาการยื่นแบบเสียภาษี และให้ทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน
6 เดือน นับแต่วันออกหมายเรียก
4.2
แบบ ค.10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้ทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 6
เดือน นับแต่วันที่ได้รับแบบ ค. 10
4.3
คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการที่มีหลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่า เสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
ให้ทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันครบกำหนดเวลาการยื่นแบบเสียภาษีของรอบระยะเวลาบัญชีที่แจ้งเลิกกิจการ
หรือวันรับแจ้งเลิกกิจการ
ข้อ
5 การรายงาน
เพื่อให้การตรวจสอบภาษีอากรตามแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากรเป็นไปอย่างมีระบบ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
5.1 ให้สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด
(สาขา) จัดทำรายงานผลการตรวจสอบภาษีอากรเป็นรายเดือนตามแบบแนบท้ายแนวทางปฏิบัติฯ
ฉบับนี้ และส่งถึงสำนักงานสรรพากรภาคโดยทาง E-Mail ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป
5.2
ให้สำนักงานสรรพากรภาค จัดทำรายงานผลการตรวจสอบภาษีอากรของสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่
สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ความ
รับผิดชอบเป็นรายเดือนตามแบบแนบท้ายแนวทางปฏิบัติฯ
ฉบับนี้ และส่งถึงสำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษีโดยทาง E-Mail ภายในวันที่ 10
ของเดือนที่ได้รับรายงาน
5.3
ให้สำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี รวบรวม และประเมินผลการตรวจสอบภาษีอากรเป็นรายสำนักงานสรรพากรภาค
และรายงานให้กรมสรรพากรทราบภายในวันที่ 15 ของเดือนที่ได้รับรายงาน
ข้อ
6 หน้าที่สำนักงานสรรพากรภาค
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนการวางแผนและประเมินผล
ติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติงานตรวจสอบภาษีอากรของสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่
สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ความรับผิดชอบ
เพื่อดูว่าการปฏิบัติงานตรวจสอบภาษีอากรของทีมกำกับดูแลเป็นไปด้วยความเหมาะสม
และตามนโยบาย เป้าหมายของกรมสรรพากรหรือไม่ พร้อมทั้งให้เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการปฏิบัติงานของทีมกำกับดูแล
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยงานค้างตรวจสอบภาษีอากร
ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544
ข้อ
1 วัตถุประสงค์
เพื่อให้สามารถสะสางงานค้างของการตรวจสอบภาษีอากรให้เสร็จสิ้นได้โดยรวดเร็ว
และสามารถดำเนินการตามนโยบายการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
ข้อ
2 หลักเกณฑ์การตรวจสอบภาษีอากร
2.1 เป็นหมายเรียกตรวจสอบ แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบภาษีอากร
และคำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการ ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ หรือยังไม่ได้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการหรือรับไว้แล้วก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 แยกเป็น
5 กรณี ดังนี้
(1)
หมายเรียกคงค้างกรณีขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามแบบ ค. 10
(2)
หมายเรียกคงค้างในกรณีปกติ
(3)
แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ยังไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบ
(4)
ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบภาษีอากร
(5)
คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการ
2.2
แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ยังไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตาม
2.1 (3) ให้กระทำได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบ เว้นแต่ เป็นกรณีที่จะขาดอายุความการออกหมายเรียก
2.3
ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบภาษีอากรตาม 2.1 (4) ให้ดำเนินการเฉพาะข้อมูลของปี
2543 เท่านั้น ยกเว้น ข้อมูลที่กรมสรรพากรจะได้สั่งการเป็นกรณีพิเศษ ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้หรือออกใบกำกับภาษีปลอม
และข้อมูลการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะซึ่งต้องดำเนินการตามบันทึกด่วนที่สุดที่
กค 0814/ว. 8230 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2544
2.4
คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการ หากปรากฏว่าได้เลิกกิจการจริง ให้ยุติเรื่องโดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบ
เว้นแต่มีหลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่าเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
ข้อ
3 วิธีการตรวจสอบ
3.1
หมายเรียกคงค้างกรณีขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามแบบ ค. 10
ให้ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.2 หมายเรียกตรวจสอบกรณีขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามแบบ ค. 10 ที่ใกล้จะขาดอายุความการออกหมายเรียก
หรือไม่สามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน อายุความการออกหมายเรียก ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
3.2 หมายเรียกคงค้างในกรณีปกติ
ให้ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ 3.1 หมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรในกรณีปกติ ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
3.3 แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ยังมิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบ
(1)
กรณีมีมูลเหตุขอคืนภาษีชัดแจ้ง
ให้ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.3 (1) แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีมีมูลเหตุขอคืนภาษีชัดแจ้ง
ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
(2) กรณีขอคืนซึ่งเป็นรายที่ใกล้จะขาดอายุความการออกหมายเรียก
ให้ทำการออกหมายเรียกก่อนขาดอายุความการออกหมายเรียกตามมาตรา
19 แห่งประมวลรัษฎากร โดยดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ 3.2 หมายเรียกตรวจสอบกรณีขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลตามแบบ
ค. 10 ที่ใกล้จะขาดอายุความการออกหมายเรียก หรือไม่สามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในอายุความการออกหมายเรียก
ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
(3)
กรณีการขอคืนที่มีมูลเหตุอื่นไม่เข้าตาม (1) และ (2)
ให้ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.3 (2) แบบ ค. 10 ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีมีมูลเหตุอื่นไม่เข้าตาม
(1) ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
3.4 ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบภาษีอากร
(1)
แจ้งให้ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม เพื่อชำระภาษีให้ครบถ้วนตามข้อมูลที่ปรากฏ
แล้วยุติเรื่อง
(2)
หากผู้เสียภาษีไม่ยินยอมชำระภาษี ให้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุมัติออกหมายเรียก
และให้ทำการตรวจสอบเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ โดยดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.1 หมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรในกรณีปกติ ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
3.5 คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการที่มีหลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่า เสียภาษีไม่ถูกต้อง
ครบถ้วน
ให้ดำเนินการตามวิธีการตรวจสอบ
3.4 คำขอหรือคำร้องกรณีแจ้งเลิกกิจการที่มี หลักฐานอยู่ก่อนแล้วว่า เสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วน
ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการตรวจสอบภาษีอากร
ข้อ
4 กำหนดเวลาในการดำเนินการ
4.1
การดำเนินการตรวจสอบตาม 3.1 3.2 3.3 และ 3.5 ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตาม
จำนวน และเวลาที่กำหนด ดังนี้
ก.
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนรายคงค้างทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2544
โดยต้องดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
2544 (ภายใน 30 เมษายน 2545)
ข.
จำนวนรายคงค้างที่เหลือจาก ก. ต้องดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
นับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2545 (ภายใน 31 กรกฎาคม 2545)
4.2
การดำเนินการตรวจสอบตาม 3.4 หากต้องออกหมายเรียกให้ทำการออกหมายเรียกให้เสร็จสิ้นภายใน
10 เดือน นับแต่วันครบกำหนดเวลาการยื่นแบบเสียภาษี และต้องดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน
6 เดือน นับแต่วันที่ออกหมายเรียก
ข้อ
5 การโอนงานรายค้างดำเนินการ
5.1
รายค้างดำเนินการ ให้โอนงานรายค้างดังกล่าวให้แก่ทีมกำกับดูแลซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลรายนั้น
ๆ ดำเนินการทันที
5.2
รายค้างดำเนินการที่ได้เริ่มทำการตรวจสอบแล้ว และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน
ธันวาคม 2544 ให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนั้น ๆ พิจารณาสั่งการว่าจะโอนให้แก่ทีมกำกับดูแลซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลรายนั้น
ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเหมาะสมกับปริมาณงานและระยะเวลาที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาข้างต้นด้วย
ข้อ
6 การรายงาน
เพื่อให้การตรวจสอบภาษีอากรตามแนวทางปฏิบัติว่าด้วยงานค้างตรวจสอบภาษีอากรก่อนวันที่
1 พฤศจิกายน 2544 เป็นไปอย่างมีระบบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
6.1
ให้สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด
(สาขา) จัดทำรายงานผลการตรวจสอบภาษีอากรเป็นรายเดือนตามแบบแนบท้ายแนวทางปฏิบัติฯ
ฉบับนี้ และส่งถึงสำนักงานสรรพากรภาคโดยทาง E-Mail ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป
6.2
ให้สำนักงานสรรพากรภาค จัดทำรายงานผลการตรวจสอบภาษีอากรของสำนักงาน ภาษีสรรพากรพื้นที่
สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ในความรับผิดชอบเป็นรายเดือนตามแบบแนบท้ายแนวทางปฏิบัติฯ
ฉบับนี้ และส่งถึงสำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี โดยทาง E-Mail ภายในวันที่ 10
ของเดือนที่ได้รับรายงาน
6.3
ให้สำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี รวบรวม และประเมินผลงานค้างตรวจสอบภาษีอากรเป็นรายสำนักงานสรรพากรภาค
และรายงานให้กรมสรรพากรทราบภายในวันที่ 15 ของเดือนที่ได้รับรายงาน
ข้อ
7 หน้าที่สำนักงานสรรพากรภาค
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนการวางแผนและประเมินผล ติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสะสางงานค้างของการตรวจสอบภาษีอากรของสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่
สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ความรับผิดชอบ
เพื่อดูว่าการปฏิบัติงานของทีมกำกับดูแลเป็นไปด้วยความเหมาะสม และตามนโยบาย
เป้าหมายของกรมสรรพากรหรือไม่ พร้อมทั้งให้เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการปฏิบัติงานของทีมกำกับดูแล
แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยงานค้างตรวจปฏิบัติการ
ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544
ข้อ
1 วัตถุประสงค์
1.1
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารการจัดเก็บภาษีอากรที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการยื่นเสียภาษีอากรในปัจจุบันให้ถูกต้องครบถ้วน
จึงให้มีการปรับเปลี่ยนระบบการปฏิบัติงานใหม่ เพื่อกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
1.2
เพื่อให้การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30)
ที่ขอคืนเป็นเงินสด เป็นไปด้วยความรวดเร็วถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
1.3
เพื่อลดปริมาณงานค้างตรวจปฏิบัติการ
ข้อ 2 งานค้างตรวจปฏิบัติการ
งานค้างตรวจปฏิบัติการ
หมายถึง งานค้างที่ได้ออกหนังสือนำตัวตรวจปฏิบัติการแล้ว ซึ่งประกอบด้วย
2.1
งานค้างตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.2
งานค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป
2.3
งานค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น
ข้อ 3 การดำเนินการงานค้างตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
3.1
การจัดกลุ่มงานค้างตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
(1)
ผู้ส่งออกในทะเบียนผู้ส่งออก (นค.1)
(2)
ผู้ประกอบการที่ขอคืนผิดปกติ
(3)
ผู้ประกอบการที่ขอคืนปกติ
3.2
การดำเนินการ
3.2.1
ผู้ส่งออกในทะเบียนผู้ส่งออก (นค.1)
ให้ทีมกำกับดูแลดำเนินการ
ดังนี้
(1)
ให้ออกตรวจสภาพกิจการโดยให้ตรวจตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
เว้นแต่เป็นรายซึ่งเคยถูกตรวจสอบภาษี หรือตรวจปฏิบัติการก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือตรวจปฏิบัติการทั่วไปภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้วเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน และผลการตรวจปรากฏว่าเป็นรายที่มีตัวตน
ประกอบกิจการจริงและไม่พบความผิดอย่างมีนัยสำคัญ ให้แจ้งฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี
สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธี สำนักงานสรรพากรจังหวัด
และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) คืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีอื่นที่ชะลอการคืนไว้ทั้งหมด
(2)
ให้ดำเนินการตรวจเฉพาะประเด็นที่ขอคืนสำหรับเดือนภาษีที่ค้างดำเนินการ ดังนี้
ก.
สุ่มตรวจด้านรายรับจากการส่งออก
-
มีการส่งออกจริง
-
มีการนำเข้าเงินตราต่างประเทศจากการส่งออก
-
นำรายรับมาบันทึกบัญชี
ข.
สุ่มตรวจด้านซื้อและรายจ่าย
-
ใบกำกับภาษีซื้อที่มีนัยสำคัญ เช่น มีจำนวนเงินสูง ใบกำกับภาษีซ้ำรายมากผิดปกติ
-
ใบกำกับภาษีปลอม
-
ใบกำกับภาษีซื้อ และ/หรือค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินสูงจาก บริษัทในเครือเดียวกัน
-
ใบกำกับภาษีที่เหลือตามความเหมาะสม
3.2.2
ผู้ประกอบการที่ขอคืนผิดปกติ
ให้ทีมกำกับดูแลออกตรวจสภาพกิจการ
ตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
และตรวจให้ได้ข้อเท็จจริงของการขอคืนและความเหมาะสมที่ขอคืน และกำกับดูแลการเสียภาษีโดยใกล้ชิดและให้เป็นปัจจุบัน
ดังนี้
ก.
สุ่มตรวจด้านรายรับ
-
การบันทึกรายรับลงบัญชี
-
การขายสินค้าหรือให้บริการในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดโดยมีนัยสำคัญให้แก่บริษัทในเครือเดียวกันหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ข.
สุ่มตรวจด้านซื้อและรายจ่าย
-
ใบกำกับภาษีซื้อที่มีนัยสำคัญ เช่น มีจำนวนเงินสูง ใบกำกับภาษีซ้ำรายมากผิดปกติ
-
ใบกำกับภาษีปลอม
-
ใบกำกับภาษีซื้อ และ/หรือค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินสูงจาก บริษัทในเครือเดียวกัน
-
ใบกำกับภาษีที่เหลือตามความเหมาะสม
3.2.3
ผู้ประกอบการขอคืนปกติ
ให้ทีมกำกับดูแลออกตรวจสภาพกิจการตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
เว้นแต่รายที่เคยถูกตรวจสอบภาษี หรือตรวจปฏิบัติการก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือตรวจปฏิบัติการทั่วไปภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้วเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน และผลการตรวจปรากฏว่าเป็นรายที่มีตัวตน
ประกอบกิจการจริงและไม่พบความผิดอย่างมีนัยสำคัญ ให้แจ้งฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี
สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธี สำนักงานสรรพากรจังหวัด
และสำนักงานสรรพากรจังหวัด (สาขา) คืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีอื่นที่ชะลอการคืนไว้ทั้งหมด
การออกตรวจสภาพกิจการ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุในการขอคืน เช่น
เดือนภาษีที่ขอคืนมีค่า P/T สูงผิดปกติ เป็นต้น
ก.
กรณีมีเหตุผลสมควร ให้คืนภาษี
ข.
กรณีไม่มีเหตุผลสมควรให้ดำเนินการตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็นที่ผิดปกตินั้น
โดยสุ่มตรวจด้านรายรับ ด้านซื้อและรายจ่ายตามข้อ 3.2.2 แล้วแต่กรณีเฉพาะมูลเหตุที่ขอคืน
- กรณีมีเหตุผลไม่สมควรให้ดำเนินการตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็นที่ผิดปกตินั้นๆ
โดยสุ่มตรวจด้านรายรับ ด้านซื้อและรายจ่ายตามข้อ(3.2.2) แล้วแต่กรณี เฉพาะมูลเหตุที่ขอคืน
ข้อ 4 การดำเนินการงานค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป
การตรวจปฏิบัติการทั่วไป
หมายถึง การตรวจความถูกต้องในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการทั่วไป ซึ่งต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดไว้
ให้เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลพิจารณาว่ารายที่ค้างดำเนินการมีข้อมูลชัดแจ้งหรือไม่
ก.
กรณีมีข้อมูลไม่ชัดแจ้ง ให้เสนอผู้บังคับบัญชาขออนุมัติยุติเรื่อง
ข.
กรณีมีข้อมูลชัดแจ้ง ให้ออกตรวจสภาพกิจการ ตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
ข้อ 5 การดำเนินการงานค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น
การตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น
หมายถึง การตรวจความถูกต้องของการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้เสียภาษีเฉพาะประเด็น
เช่น
-
การตรวจยอดขาย ณ จุดขาย
-
การตรวจนับสินค้าและวัตถุดิบ
-
ตรวจการใช้ใบกำกับภาษีปลอม
-
กรณีอื่นๆตามที่ผู้มีอำนาจสั่งการ เช่น การสอบยัน ฯลฯ
ให้เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลดำเนินการออกตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็นนั้นๆ
ก.
ผลการตรวจถูกต้อง ให้ยุติเรื่อง
ข.
ผลการตรวจไม่ถูกต้อง ให้ออกตรวจสภาพกิจการตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน
ข้อ 6 การรายงานผลการตรวจ
6.1
ให้รายงานผลการตรวจสำหรับเดือนภาษีที่ตรวจว่ามีค่า P/T สูงเพราะเหตุใด
6.2
ให้รายงานเหตุผลที่ขอคืนเนื่องจากสาเหตุใด
6.3
ให้รายงานผลการตรวจว่าถูกต้องหรือพบประเด็นความผิดดังนี้
6.3.1
ถูกต้อง ให้เสนอยุติเรื่องแล้วแจ้งฝ่ายภาษี หัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษีหรืองานคืนภาษี
ฝ่ายกรรมวิธี แล้วแต่กรณีทราบเพื่อจะได้เสนอผู้บังคับบัญชาลงนามในหนังสือแจ้งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
6.3.2
พบประเด็นความผิด
(1)
กรณีผู้ประกอบการยินยอมชำระภาษี ให้ผู้ประกอบการชำระภาษีเพิ่มเติมเองให้ครบถ้วนและแจ้งให้ฝ่ายภาษี
หัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธี แล้วแต่กรณี ดำเนินการต่อไป
(2)
กรณีผู้ประกอบการไม่ยินยอมชำระภาษี ให้ออกหมายเรียกตรวจสอบ
6.4
ให้เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลนำผลการตรวจปฏิบัติการใช้เป็นข้อมูลในการกำกับดูแลผู้เสียภาษี
6.5
รายขอคืนผิดปกติให้เจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลติดตามการเสียภาษีอย่างใกล้ชิดและให้เป็นปัจจุบัน
ข้อ 7 กำหนดเวลาดำเนินการ
รายค้างตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รายค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป และรายค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน
3 เดือนนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 (31 มกราคม 2545)
ข้อ 8 การโอนงานค้าง
8.1
งานค้างตรวจปฏิบัติการที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้ส่งทีมกำกับดูแลพิจารณาดำเนินการ
หากเป็นกรณีงานค้างตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
8.2
รายค้างดำเนินการที่ได้ออกหนังสือนำตัวตรวจปฏิบัติการแล้วให้โอนเจ้าหน้าที่
กำกับดูแลเป็นผู้ดำเนินการต่อไป เว้นแต่เจ้าหน้าที่เดิมสามารถดำเนินการตรวจให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน
ธันวาคม 2544 ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าหน่วยงาน
ข้อ 9 การรายงาน
9.1
ให้สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ สำนักงานสรรพากรจังหวัด และสำนักงานสรรพากรจังหวัด(สาขา)
จัดทำรายงานงานค้างตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(นตป.1) รายงานค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป
(นตป. 2)และรายงานงานค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น (นตป.3) เป็นรายเดือนส่งถึงสำนักงานสรรพากรภาค
ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน โดยทาง E-mail
9.2
ให้สำนักงานสรรพากรภาคจัดทำรายงานงานค้างตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(นตป.1/1)
รายงานงานค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป (นตป. 2/1) และรายงานงานค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น
(นตป. 3/1) ของหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นรายเดือน ส่งถึงสำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี
ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน โดยทาง E-mail
9.3
ให้สำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี รวบรวมและประมวลผลรายงานค้างตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(นตป.1/2) รายงานงานค้างตรวจปฏิบัติการทั่วไป (นตป. 2/2) และรายงานงานค้างตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น(นตป.
3/2) เป็นรายเดือน และรายงานให้กรมสรรพากรทราบภายในวันที่ 20 ของเดือนที่ได้รับรายงาน
ข้อ 10 หน้าที่ของสำนักงานสรรพากรภาค
ให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนการวางแผนและประเมินผล
สำนักงานสรรพากรภาค ติดตามกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติที่รับผิดชอบ
เกี่ยวกับ
10.1
การดำเนินการของทีมกำกับดูแลได้ปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการและแล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
10.2
การดำเนินการของฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี หรืองานคืนภาษี ฝ่ายกรรมวิธีแล้วแต่กรณีได้ปฏิบัติตามขั้นตอน
วิธีการและแล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด เช่น ได้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มรายที่ไม่ติดเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อตรวจก่อนคืนทันที
และเดือนภาษีที่มีการชะลอการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ
10.3
กำกับดูแลการปฏิบัติงานอื่นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามความเหมาะสม
นโยบายและเป้าหมายของกรมสรรพากร พร้อมเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของ
เจ้าหน้าที่
เอกสารแนบ
Click ที่นี่
สำนักมาตรฐานกรรมวิธีภาษี
กลุ่มบริหารข้อมูลและพัฒนาระบบการตรวจสอบภาษี
พฤศจิกายน
2544
|