เมนูปิด

พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 518)
พ.ศ. 2554

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554
เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน
-----------------------------------------

                                พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
                                โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ บางกรณี
                                อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 และมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

                                มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 518) พ.ศ. 2554”

                                มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

                                มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
                                “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
                                “ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ” หมายความว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนและขายสิ่งดังกล่าวให้แก่วิสาหกิจในเครือ
                                “วิสาหกิจในเครือ” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ในลักษณะดังต่อไปนี้
                                (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
                                (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
                                (3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของทุนทั้งหมด
                                (4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ
                                (5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศมีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน
                                (6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการหรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

                                มาตรา 4 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่คนต่างด้าวได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อคำนวณตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแล้วอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สูงกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้
ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่ง เมื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายน้อยกว่าร้อยละสิบห้าของเงินได้ให้คนต่างด้าวผู้มีเงินได้มีสิทธิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 6 เมื่อคนต่างด้าวนั้นยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้นั้น

                                มาตรา 5 คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับสิทธิตามมาตรา 4 ต้องปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 11 และมาตรา 12 ซึ่งมีรายได้ตามมาตรา 9 (1) และ (2) รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของรายได้ตามมาตรา 9 (1) และ (2)และรายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนนั้นให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อการผลิตที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 10 โดยให้ได้รับสิทธิดังกล่าวในระหว่างการปฏิบัติงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินห้าปี ไม่ว่าในระหว่างเวลานั้นจะได้เดินทางออกจากประเทศไทยเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเป็นจำนวนไม่เกินสามคนที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากร ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดในกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 หรือมีรายได้ตามมาตรา 9 (1) และ (2) รวมกันน้อยกว่าร้อยละห้าสิบของรายได้ตามมาตรา 9 (1) และ (2) และรายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนนั้นให้แก่วิสาหกิจ ในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อการผลิตที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าวในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา 4 ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีแรก และในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับสิทธิตามมาตรา 4 มิได้ปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศในปีภาษีใด ให้สิทธิตามมาตรา 4 ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีนั้น

                                มาตรา 6 ให้คนต่างด้าวซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้แล้วในอัตราร้อยละสิบห้าของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 4 เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่คนต่างด้าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ในกรณีที่คนต่างด้าวมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากรไว้แล้ว และมีสิทธิเลือกเสียภาษีตามมาตรา 48 (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร คนต่างด้าวจะมีสิทธิได้รับการยกเว้นตามวรรคหนึ่ง เมื่อปรากฏว่า ในการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน คนต่างด้าวมิได้นำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้พึงประเมินที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 4 มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ โดยต้องไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนในการได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง คนต่างด้าวต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย

                                มาตรา 7 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่คนต่างด้าวซึ่งปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ สำหรับเงินได้ที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานซึ่งเกิดจากการที่คนต่างด้าวนั้นถูกส่งตัวไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศหรือวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยไม่นำเงินได้นั้นมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

                                มาตรา 8 คนต่างด้าวซึ่งจะได้รับสิทธิตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ต้องปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 11 และมาตรา 12 เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกตามมาตรา 10 โดยให้ได้รับสิทธิดังกล่าวในระหว่างการปฏิบัติงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินห้าปี ไม่ว่าในระหว่างเวลานั้นจะได้เดินทางออกจากประเทศไทยเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเป็นจำนวนไม่เกินสามคนที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากร ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
                                ในกรณีที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา 6 หรือมาตรา 7 ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีแรก และในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับสิทธิตามมาตรา 6 หรือมาตรา 7 มิได้ปฏิบัติงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศในปีภาษีใดให้สิทธิตามมาตรา 6 หรือมาตรา 7 ของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีภาษีนั้น

                                มาตรา 9 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) ของ (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบห้าของกำไรสุทธิ ให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศเป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้ สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้
                                (1) รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศโดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย
                                (2) รายได้จากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศและขายให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เพื่อความมุ่งประสงค์ในการผลิตในต่างประเทศที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว

                                มาตรา 10 การนับรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 9 ให้นับรอบระยะเวลาบัญชี ดังต่อไปนี้
                                (1) กรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศตามมาตรา 11 (5) ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรก หรือ
                                (2) กรณีที่มีการจดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศตามมาตรา 11 (5) ระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นับรอบระยะเวลาบัญชีนั้นเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกแม้ว่าจะมีระยะเวลาน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ตาม

                                มาตรา 11 ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา 9 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
                                (1) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป
                                (2) มีรายจ่ายดังต่อไปนี้                                
                                      (ก) รายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน รายจ่ายในการดำเนินงานที่จ่ายไปต่างประเทศ ค่าสินค้า ค่าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น ค่าส่วนประกอบ และค่าบรรจุภัณฑ์ หรือ
                                      (ข) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากรที่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศจ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
                                (3) มีวิสาหกิจในเครือ ซึ่งต้องมีการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งและต้องมีผู้บริหารและพนักงานปฏิบัติงานในสถานประกอบการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ต้องตรงตามที่ได้แจ้งต่อกรมสรรพากร
                                (4) มีพนักงานปฏิบัติงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศซึ่งมีทักษะและความรู้ขั้นต่ำตามที่อธิบดีประกาศกำหนด
                                (5) ได้จดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยต้องจดแจ้งภายในสองปีนับแต่วันที่อธิบดีกำหนดให้มีการจดแจ้ง

                                มาตรา 12 ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา 9 ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปีที่สามเป็นต้นไป ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 11 และต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ด้วย
                                (1) มีรายได้ตามมาตรา 9 (1) และ (2) รวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี และ
                                (2) มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในกิจการของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ในอัตราไม่น้อยกว่าคนละสองล้านห้าแสนบาทต่อปีเป็นจำนวนอย่างน้อยสามคน

                                มาตรา 13 ในกรณีที่ปรากฏว่าศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศขาดคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 11 หรือมาตรา 12 ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิตามมาตรา 9 สิ้นสุดลงตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรก

                                มาตรา 14 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
      อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
        นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศไทยและสนับสนุนการประกอบกิจการจัดซื้อและขายวัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศไทยเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าของวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ อันจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตสำหรับการซื้อขายสินค้า วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนสำเร็จรูปภายในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ และเป็นการขยายฐานการลงทุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมจากต่างประเทศในประเทศไทย รวมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทย สมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศและคนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

                                (ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 128 ตอนที่ 31 ก วันที่ 4 พฤษภาคม 2554)

 

ปรับปรุงล่าสุด: 17-01-2012