พระราชกฤษฎีกา
กำหนดประเภท อัตรา และเงื่อนไขในการหักค่าชดเชยรายจ่าย
ที่เป็นทุนเกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2522
-------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522
เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 95 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 26 (7) แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดประเภท อัตรา และเงื่อนไขในการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนเกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2522"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน (6) ของข้อ 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 95 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนด ประเภท อัตรา และเงื่อนไขในการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนเกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2516 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"(6) รายจ่ายที่เป็นทุนอย่างอื่นซึ่งมิใช่ (1) (2) (3) (4) และ (5) และซึ่งมิใช่เป็นรายจ่ายที่เป็นทุนเพื่อการได้มาซึ่งที่ดิน
(ก) รายจ่ายที่เป็นทุนที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่มีรูปร่าง
ร้อยละ 20
(ข) รายจ่ายที่เป็นทุนนอกจากตาม (ก) เฉพาะที่จ่ายไปสำหรับแปลงสำรวจที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนดว่าเป็นแปลงสำรวจในทะเล
ที่มีน้ำลึกเกินสองร้อยเมตร ตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม
ร้อยละ 20
(ค) รายจ่ายที่เป็นทุนที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินไม่มีรูปร่างก่อนการผลิตและ จำหน่ายของผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ
ทั้งนี้ เฉพาะ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่ได้ทำกับองค์การ ก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทย ก่อนปี พ.ศ. 2522
ร้อยละ 20 (ง) รายจ่ายที่เป็นทุนนอกจากตาม (ก) (ข) และ (ค) ร้อยละ 10"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อให้ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติได้รับการหักค่าชดเชยรายจ่ายที่เป็นทุนสำหรับรายจ่ายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินไม่มีรูปร่างก่อนการ ผลิตและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติได้สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ขึ้น
[รก. 2522/70/4พ/2 พฤษภาคม 2522]