| |||||||
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะประกาศกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538 จึงเห็นควรกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพ ขอบเขต และเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ข้อ 1 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมนั้น ต้องส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 8 ข้อ 2 สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่จะให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย ว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม หรือบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ข้อ 3 การให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษาหรือฝึกอบรมในประเทศไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง ข้อ 4 หลักสูตรที่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพตามข้อ 2 ใช้ในการให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ต้องมีลักษณะดังนี้ (1) กรณีสถานศึกษา - ต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่าอุดมศึกษา หรือ - ต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยสำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา หรือ - ต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือ - ต้องจัดการฝึกอบรมเป็นการทั่วไป (Public Trainning) ตามหลักสูตร ที่สถานศึกษานั้น ๆ ได้จัดขึ้น (2) กรณีสถานฝึกอบรมวิชาชีพต้องจัดการฝึกอบรมเป็นการทั่วไป (Public Trainning) เพื่อให้บริการการฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาชีพใด ข้อ 5 ค่าใช้จ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายให้สถานศึกษาหรือสถาน-ฝึกอบรมวิชาชีพตามข้อ 2 เพื่อส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม ประกอบด้วย (1) ค่าใช้จ่ายการศึกษาที่เป็นค่าเล่าเรียน ค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุง (2) ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมที่เป็นค่าธรรมเนียมเข้าอบรม หรือค่าลงทะเบียนค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง เพื่อเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายในการ ดูงานในประเทศหรือต่างประเทศตามที่กำหนดในหลักสูตร (ถ้ามี) ที่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรม วิชาชีพตามข้อ 2 เรียกเก็บจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วย ข้อ 6 ค่าใช้จ่ายตามข้อ 5 ต้องมีใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพตามข้อ 2 ที่ออกให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ข้อ 7 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายตามข้อ 5 โดยต้องมีรายการและข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ พร้อมแนบรายละเอียดและกำหนดการฝึกอบรมในหลักสูตรนั้นเก็บไว้ ณ สถานประกอบการเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นแสดงต่อเจ้าพนักงาน ข้อ 8 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น หลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว ข้อ 9 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสำหรับการจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป | |||||||
| |||||||
หน้าจอหลักบริการสารสรรพากร : : หน้าจอหลัก พ.ย. 45 : : หน้าต่อไป |