ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เรื่อง กำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีมีบัญชีพิเศษ
---------------------------------------------
เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ.2525 อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีมีบัญชีพิเศษและลงรายการในบัญชี ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ผลิตภัณฑ์ซีดี หมายความถึง แผ่นบันทึกข้อมูลที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลโดยวิธีการใด ๆ ที่สามารถจัดถ่ายทอดออกเป็นข้อมูล ภาพ เสียง หรือทั้งภาพและเสียงในลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยใช้เครื่องมือที่อาศัยแหล่งแสงกำลังสูงหรือกลไกอื่นใดในทำนองเดียวกัน และให้หมายความรวมถึงผลิตภัณฑ์ซีดีอื่น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี
เครื่องนับจำนวนแผ่นซีดี หมายความถึง เครื่องนับจำนวนแผ่นที่อยู่ในหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ของเครื่องจักรผลิตแผ่นซีดี
ข้อ 2 ให้ผู้ผลิตหรือผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีมีบัญชีพิเศษแสดงจำนวนหรือปริมาณการผลิต การจ่ายโอนและปริมาณคงเหลือ โดยบัญชีพิเศษดังกล่าวต้องมีข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้
ข้อ 3 การลงรายการในบัญชีพิเศษตามข้อ 2 ให้ลงให้เสร็จภายใน 3 วัน นับจากวันที่มีรายการดังกล่าวเกิดขึ้น
ข้อ 4 การลงรายการในบัญชีพิเศษให้เขียนด้วยหมึก หรือใช้วิธีพิมพ์ หรือจัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และจะลงรายการเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ โดยตัวเลขจะใช้ตัวเลขไทยหรือตัวเลขอารบิคก็ได้
ข้อ 5 ให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีพิเศษเก็บรักษาบัญชีพิเศษดังกล่าวไว้ ณ สถานประกอบการผลิตหรือรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีนั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีหรือวันสิ้นปีประดิทินแล้วแต่กรณี
ข้อ 6 กรณีที่ผู้ผลิตหรือผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี ได้จัดทำบัญชีแบบอื่นหรือจัดทำรายงานแบบอื่นไม่ว่าจะอยู่ในฉบับเดียวกันหรือไม่ก็ตามซึ่งรวมแล้วมีข้อความครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแบบท้ายประกาศนี้ ให้ถือเป็นการจัดทำบัญชีพิเศษตามประกาศฉบับนี้แล้ว
ข้อ 7 การทำลายผลิตภัณฑ์ซีดีที่ไม่ได้คุณภาพ (แผ่นเสีย) ในบัญชีพิเศษนี้ ให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีพิเศษ แจ้งการทำลายให้สำนักงานสรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่รับผิดชอบ หรือสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแล แล้วแต่กรณี ทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสม
ข้อ 8 ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากรให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 9 ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2546
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล
อธิบดีกรมสรรพากร