เลขที่หนังสือ | : กค 0811/02855 |
วันที่ | : 5 มีนาคม 2541 |
เรื่อง | : อากรแสตมป์ กรณีการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 119, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 21) เพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 31) |
ข้อหารือ | : บริษัท ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากการขายทอดตลาดในคดีล้มละลายของศาลแพ่ง จำนวน 3 แปลง ในราคา 890,000 บาท, 890,000 บาท และ 7,500,000 บาท ตามลำดับ เนื่องจาก กรมบังคับคดีได้มีหนังสือ แจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดิน จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสามแปลงให้แก่ผู้ซื้อ โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าภาษีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลรัษฎากรจากผู้ซื้อ ส่วนค่าอากรแสตมป์การรับเงินกรมบังคับคดี ได้หักจากราคาขายทอดตลาดแล้ว แต่ในการจดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้ ปรากฏว่าราคาประเมินทุนทรัพย์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมของที่ดินทั้งสามแปลงสูงกว่าราคาขายทอดตลาดและโดยที่กรมสรรพากรได้วางทางปฏิบัติใน การเรียกเก็บอากรแสตมป์การจดทะเบียนในกรณีดังกล่าวไว้ตามข้อ 3 และ 4 ของหนังสือที่ กค 0802/2112 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2534 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสั่ง เรียกเก็บค่าอากรแสตมป์จากทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ดังนั้น เมื่อตามหลักฐานหนังสือศาลที่นำมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 21) ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2525 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 31) ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ปรากฏว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้หักค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงินจาก ราคาขายทอดตลาด แต่ราคาขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์ เช่นนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้รับจดทะเบียนฯจะต้องเรียกเก็บอากรแสตมป์เพิ่มจากที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้หักไว้แล้วอีกหรือไม่ หรือจะต้องดำเนินการอย่างไร เพราะตามมาตรา 119 แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติห้ามมิให้ เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ยอมให้ทำ หรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตรา ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ |
แนววินิจฉัย | : กรณีการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดีนั้นกรมสรรพากรได้ตอบข้อหารือกรมที่ดิน ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0802/4597 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2537 ว่ากรมสรรพากรได้วางทางปฏิบัติไว้แล้วตามข้อ 1(3) แห่ง ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 21) เรื่อง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็น ตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากรสำหรับตราสาร 28 (ข) แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2525 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 31)ฯ ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 และในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับ จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใช้หนังสือของศาลซึ่งมีรายละเอียดแสดงว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว นั้น "ได้ชำระค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน... บาท ไว้แล้ว ตามใบสลักหลังตราสาร (อ.ส.5) เลขที่ ... วันที่..." ที่มีถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นหลักฐานแสดงการชำระค่า อากรแสตมป์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในกรณีดังกล่าวด้วย ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่ต้องเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์ในกรณีดังกล่าวอีกและกรณีเสีย อากรไม่ครบถ้วนถูกต้อง กรมสรรพากรจะสั่งเรียกเก็บเพิ่มเติมตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรต่อไป |
เลขตู้ | : 61/26461 |