เลขที่หนังสือ | : กค 0811/04028 |
วันที่ | : 1 เมษายน 2541 |
เรื่อง | : เงื่อนไขการปฏิบัติเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีกำไรหรือขาดทุนจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 ทวิ (5), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ |
ข้อหารือ | : คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ได้วาง แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจาก การปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราตามประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ไว้ 3 วิธี และในข้อ 4 ของประกาศฉบับดังกล่าว กำหนดเป็นเงื่อนไขว่า "เมื่อ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดได้เลือกปฏิบัติตามข้อ 1 ข้อ 2 หรือ ข้อ 3 แล้ว บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ต้องปฏิบัติอย่างเดียวกันทั้งในด้านรายได้และรายจ่ายและทั้งในบัญชีของ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเอง รวมตลอดทั้งในบัญชีเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือ ขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย" ณ วันสิ้นงวดบัญชีหากบริษัทได้คำนวณค่าของทรัพย์สินหรือ หนี้สินซึ่งมีราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่เป็นเงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ผลของการคำนวณบริษัทได้นำผลกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือหนี้สิน ดังกล่าวไปถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายทั้งจำนวนแล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่ รับรองทั่วไป แต่ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ถ้าบริษัทมีความ ประสงค์จะเลือกปฏิบัติตามข้อ 2 หรือ ข้อ 3 ไม่ว่าวิธีใดแล้วก็จะขัดกับเงื่อนไขในข้อ 4 ซึ่งหมายความ ว่าถ้าบริษัทใดจะเลือกปฏิบัติตามข้อ 2 หรือ ข้อ 3 โดยไม่ขัดกับข้อ 4 บริษัทก็ต้องปฏิบัติในด้านรายได้ และรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ซึ่งทำให้ผู้ตรวจสอบบัญชีต้องรับรองงบการเงิน ของบริษัทอย่างมีเงื่อนไข สำหรับเงื่อนไขตามข้อ 4. ถ้าประสงค์จะให้บริษัทแสดงกำไรหรือขาดทุนสุทธิในบัญชีของ บริษัทให้ตรงกับบัญชี เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อความสะดวกในการควบคุมการเสียภาษีให้ถูกต้อง แล้ว ก็เพียงแต่กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทแสดงให้ชัดเจนว่า บริษัทได้เลือกใช้วิธีการคำนวณรายได้หรือ รายจ่ายที่เกิดจากการคำนวณทรัพย์สินหรือหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่เป็นเงินตราไทยตาม วิธีใดและต่างจากการบันทึกบัญชีของบริษัทอย่างไรใน แบบ ภ.ง.ด.50 ของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีที่ เกี่ยวข้องก็พอเพียงกับการควบคุมให้การเสียภาษีถูกต้องแล้ว เช่น ถ้าบริษัทมีผลขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร คือวันที่ 31 ธันวาคม 2540 ตามบัญชีทั้งหมดเท่ากับ 1,000 ล้านบาท แต่ประสงค์ที่จะเลือกนำมาถือเป็น รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 รอบระยะเวลาบัญชีเท่ากันทุก รอบระยะเวลาบัญชีตามข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ก็ต้องแสดงในแบบ ภ.ง.ด.50 ของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีที่เกี่ยวข้อง รอบระยะเวลา ขาดทุนอัตรา ขาดทุนที่ใช้ในรอบ ขาดทุนคงเหลือ บัญชีสิ้นสุด แลกเปลี่ยนรวมตาม ระยะเวลาบัญชี ยกไป 1/12/2540 1,000 200 800 31/12/2541 - 200 600 31/12/2542 - 200 400 31/12/2543 - 200 200 31/12/2544 - 200 - จึงขอให้ผ่อนปรนข้อ 4 ของคำสั่งอธิบดีกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 โดยไม่ต้องกำหนดเงื่อนไขในการบันทึกบัญชีด้านรายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นจาก การปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราในบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจากกรณี ดังกล่าวจะต้องมีการปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปอยู่แล้ว แต่ควรกำหนดเงื่อนไขซึ่ง สามารถนำมาใช้เป็นมาตรการสำหรับควบคุมการเสียภาษีให้ถูกต้อง |
แนววินิจฉัย | : กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว กรมสรรพากรได้พิจารณาผ่อนปรนให้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะต้องคำนวณกำไรสุทธิให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 30 แต่ใน การยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมีความประสงค์จะนำผลกำไรหรือขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามข้อ 2 และ ข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ก็ให้ กระทำได้ โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหมายเหตุประกอบงบการเงินว่า การคำนวณกำไรหรือ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดลงในหรือหลัง วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ใช้วิธีการข้อใดของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 และให้หมายเหตุประกอบงบการเงินแต่ละปีจนกว่าการคำนวณรายได้หรือ รายจ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 จะหมดสิ้น ไป โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ต้องบันทึกบัญชีและจัดทำงบกำไรขาดทุนให้เป็นวิธีการเดียวกับ การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ได้ |
เลขตู้ | : 61/26548 |