เลขที่หนังสือ | : กค 0811/07455 |
วันที่ | : 3 มิถุนายน 2541 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีรับโอน สิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ 56 แห่ง |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65, มาตรา 77/1, มาตรา 77/2, มาตรา 78, มาตรา 78/1, มาตรา 79, มาตรา 104, กฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.36/2536 |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ เป็นบริษัทเงินทุนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของระบบสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเข้าประมูลหรือ แข่งขันราคาหรือรับซื้อ หรือรับโอนสินทรัพย์ของบริษัทเงินทุนที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการและไม่อาจ แก้ไขหรือฟื้นฟูฐานะหรือการดำเนินงานได้ และโดยที่ ปรส. (องค์การเพื่อการปฏิรูประบบ สถาบันการเงิน) ได้ประกาศการจำหน่ายทอดตลาดเพื่อจำหน่ายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้เช่าซื้อของ สถาบันการเงินที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ 56 แห่งบริษัทฯ มีโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลแข่งขัน ราคาเพื่อรับซื้อหรือรับโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อของสถาบันการเงินดังกล่าว บริษัทฯ ขอทราบ ปัญหาภาระภาษีอากรเพื่อถือเป็นแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป ดังนี้ 1. กรณีที่บริษัทฯ ชนะการประมูลแข่งขันราคา ค่าตอบแทนการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้ เช่าซื้อที่บริษัทฯ ต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงิน 56 แห่ง จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจะคำนวณจากค่าตอบแทนที่จ่ายตามราคาที่ประมูลได้ หรือคำนวณจากยอดหนี้คง ค้างของลูกหนี้เช่าซื้อที่บริษัทฯ ได้รับโอน 2. การโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ สถาบันการเงินผู้โอนซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อเดิมต้อง จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ให้ลูกค้าเช่าซื้อให้บริษัทฯ ผู้รับโอน กรณีดังกล่าวถือเป็นการขายที่ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ 3. ส่วนต่างที่เกิดจากค่าตอบแทนในการโอนสิทธิเรียกร้องตามราคาที่บริษัทฯ ประมูลได้กับ ยอดหนี้คงค้างของลูกหนี้เช่าซื้อที่รับโอนมา บริษัทฯ จะต้องรับรู้เป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร 4. สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่เดิมได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป หากบริษัทฯ ยังคงใช้สัญญาเช่าซื้อฉบับเดิมโดยมีเอกสารแนบท้ายเปลี่ยนแปลงสิทธิในตัวลูกหนี้เป็นของ บริษัทฯ สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวยังคงได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไปหรือไม่ 5. สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป ซึ่ง ลูกหนี้เช่าซื้อได้ค้างชำระค่างวดและสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อเดิมได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยทำเป็น หนังสือแจ้งต่อผู้เช่าซื้อแล้ว ต่อมาลูกหนี้ติดต่อขอชำระค่างวดต่อตามสัญญาเดิม หรือขอชำระเงินที่เหลือ ทั้งหมดรวมครั้งเดียว กรณีดังกล่าว บริษัทฯ ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกหนี้เช่าซื้อในอัตราใด 6. สัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ จะต้องติดอากรแสตมป์หรือไม่ และ ผู้โอนหรือผู้รับโอนเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์ 7. กรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถแข่งขันประมูลราคาเพื่อรับโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ รถยนต์จากสถาบันการเงิน 56 แห่ง หากบริษัทฯ รับจ้างเก็บเงินค่างวดจากลูกหนี้เช่าซื้อ โดยเรียกเก็บ ค่าบริการจากผู้ว่าจ้างเป็นอัตราร้อยละของจำนวนเงินค่างวดที่เรียกเก็บจากลูกหนี้ บริษัทฯ จะต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใด |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. การขายหรือการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่ง เป็นสิทธิในทรัพย์สินที่อยู่ในกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เข้าลักษณะเป็นการ "ขายสินค้า" ตามมาตรา 77/1 (8)และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 แห่ง ประมวลรัษฎากรดังนั้น หากบริษัทฯ ชนะการประมูลลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด กิจการ 56 แห่ง ในการโอนสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน (สถาบันการเงิน 56 แห่ง) ไปยังผู้รับโอน (บริษัทฯ) ผู้โอนจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าทั้งหมดของค่าตอบแทนที่ได้รับหรือพึงได้รับ ตาม มาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งค่าตอบแทนที่พึงได้รับที่ต้องนำไปเป็นฐานภาษีในการคำนวณ ภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถือตามจำนวนเงินค่าขายทอดตลาดที่ผู้โอนได้รับ โดยความรับผิดในการเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อผู้โอนได้รับชำระราคาค่าตอบแทนจากการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ รถยนต์ ทั้งนี้ ตามข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) 2. กรณีตาม 2. การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจากสถาบันการเงิน ผู้โอน ให้กับบริษัทฯ ผู้รับโอน เป็นเพียงการดำเนินการทางเอกสารเพื่อให้หลักฐานทางทะเบียนรถยนต์ ถูกต้องตามความเป็นจริงเนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ผู้ให้เช่าซื้อ กรณีดังกล่าวมิใช่การ จำหน่าย จ่าย โอนสินค้า จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการ "ขาย" ตามมาตรา 77/1 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่อยู่ ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด 3. กรณีตาม 3. ส่วนต่างระหว่างราคาค่าตอบแทนในการโอนสิทธิเรียกร้องกับยอดหนี้คง ค้างของลูกหนี้เช่าซื้อ เข้าลักษณะเป็นเงินได้จากกิจการให้เช่าซื้อรถยนต์ บริษัทฯ ผู้รับโอนจะต้องนำไป ถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร โดยทยอยรับรู้เป็นรายได้ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตามงวดที่ถึงกำหนดชำระของลูกหนี้แต่ละราย ตาม ข้อ 4.3 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 และ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ ผู้ให้เช่าซื้อ เกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่ ถึงกำหนดชำระแต่ละงวด ตามมาตรา 78 (2) แห่งประมวลรัษฎากร 4. กรณีตาม 4. การขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อโดยได้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ด้วย การแปลงหนี้หรือโอนหนี้หลังวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกหนี้ เช่าซื้อรถยนต์ในอัตราร้อยละ 10.0 5. กรณีตาม 5. สัญญาเช่าซื้อที่ได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป ซึ่งสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อเดิมได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยทำเป็นหนังสือแจ้งต่อผู้เช่าซื้อแล้ว ดังนั้น นับแต่เดือนภาษีที่ส่งหนังสือแจ้งเลิกสัญญา ถือว่าไม่มีการขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้ออีกต่อไป ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องออกใบกำกับภาษีและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามงวดที่ถึงกำหนดชำระแต่ละงวด ทั้งนี้ ตาม ข้อ 2 (6) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.36/2536 ฯ ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 6. กรณีตาม 6. สัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ ไม่เข้าลักษณะแห่ง ตราสารใดตามที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดว่าด้วยอากรแสตมป์ จึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ ตามมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร 7. กรณีตาม 7. การรับจ้างเก็บเงินค่างวดจากลูกหนี้เช่าซื้อ โดยเรียกเก็บค่าบริการจาก ผู้ว่าจ้างเป็นอัตราร้อยละของจำนวนเงินค่างวดที่เรียกเก็บจากลูกหนี้ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ ตาม มาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อ ได้รับชำระราคาค่าบริการ ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 61/26737 |