เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/13824
วันที่: 22 กันยายน 2541
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย กรณีการขายอสังหาริมทรัพย์
ข้อกฎหมาย: มาตรา 49 ทวิ, มาตรา 50(5), มาตรา 65 ทวิ (4), มาตรา 69 ตรี
ข้อหารือ: บริษัท ก. จำกัด นางสาว ข. และนาย ค. ได้จดทะเบียนขายที่ดิน ให้กับบริษัท ง.
จำกัด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2540 ราคาขายเป็นเงิน 148,000,000 บาท ราคาประเมินทุนทรัพย์
เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เป็นเงิน 72,640,000 บาท โดยบริษัท ก.
จำกัด แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าได้รับเงินจากการขายที่ดิน เป็นเงิน 30,000,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้คำนวณ
ภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนของบริษัทฯอัตราร้อยละ 1 จากทุนทรัพย์ 30,000,000 บาท เป็นเงิน
300,000 บาท ส่วนนางสาว ข. และนาย ค. ได้รับเงินคนละ 59,000,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้
คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรม 72,640,000 บาท และแยกคำนวณภาษีเงินได้เป็นรายบุคคลจากราคาประเมินดังกล่าว
คำนวณภาษีเงินได้ที่ต้องชำระคนละ 2,392,000 บาท จึงขอทราบว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จัดเก็บ
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: ตามข้อเท็จจริง นางสาว ข. นาย ค. และบริษัท ก. จำกัด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
ในที่ดินแปลงดังกล่าวคนละหนึ่งส่วนตามมาตรา 1357 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อขายที่ดิน
ได้เงิน 148,000,000 บาท แต่ละรายจึงได้เงินค่าขายรายละ 49,333,333.33 บาท การคำนวณ
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย พิจารณาได้ดังนี้
1. กรณีของบริษัทต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 69 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
และให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1 ตามส่วนของเงินได้ของบริษัทฯ โดยคำนวณ
จากราคาขายตามความเป็นจริงหรือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า
ปรากฏว่า ตามข้อเท็จจริงราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ทั้งแปลง 72,640,000 บาท เฉลี่ย 3 ส่วน ส่วนละ
24,213,333.33 บาท กรณีของบริษัท ก. จำกัด ราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ต่ำกว่าราคาขายจริงเฉลี่ย
จึงต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 จากราคาขายจริงเฉลี่ย คือร้อยละ 1 ของราคา
49,333,333.33 บาท โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในฐานะเป็น
เจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร ใช้อำนาจตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีของบุคคลธรรมดา ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (5) (ข) แห่ง
ประมวลรัษฎากร และให้คำนวณหักตามส่วนเงินได้ของแต่ละคน โดยคำนวณจากราคาประเมินทุนทรัพย์
เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ใน
วันที่มีการโอนนั้นตามมาตรา 49 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ตามข้อเท็จจริง ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย จากราคา 24,213,333.33 บาท
3. กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ
ที่จ่าย ไว้ไม่ครบถ้วนถูกต้องตามข้อเท็จจริงดังกล่าว กรมสรรพากรจะได้แจ้งให้เจ้าพนักงานประเมิน
สังกัดกรมสรรพากรทำการประเมินเรียกเก็บเพิ่มเติมตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรต่อไป
เลขตู้: 61/27112

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020