เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.14919 |
วันที่ | : 21 ตุลาคม 2541 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา40 (8), มาตรา47 (6), มาตรา56, มาตรา77/1 (3) (5), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2502 |
ข้อหารือ | : ชมรมฯ จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มแพทย์และพยาบาลที่ทำงานด้านป้องกันและฟื้นฟูผู้ป่วยหลังการผ่าตัด โรคหัวใจ ไม่มีฐานะเป็นมูลนิธิหรือสมาคม ชมรมฯ เป็นสมาชิกของ Asian-Pacific congress of Cardiac Rehabilitation ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกได้มีโอกาสจัดการประชุมเกี่ยวกับการรักษา ผู้ป่วยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูหัวใจทั่วโลกทุก 2 ปี ในปี 2542 ชมรมฯ ได้รับมอบหมายให้เป็น เจ้าภาพจัดการประชุม 6th Asian-Pacific congress of Cardiac Rehabilitation ชมรมฯ มีรายรับจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังนี้ 1. ค่าลงทะเบียนเข้ารับการอบรมจากผู้ที่เป็นสมาชิกและบุคคลภายนอก 2. เงินช่วยสนับสนุนจัดการประชุม (1) เงินบริจาคโดยไม่มีค่าตอบแทน (2) เงินบริจาคจากผู้จำหน่ายยาโรคหัวใจ เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสถานที่จัด นิทรรศการแสดงคุณภาพยา รายรับดังกล่าวชมรมฯ นำไปเป็นค่าเดินทางของวิทยากร ค่าที่พัก โดยมิได้หวังผล กำไร ชมรมฯขอทราบว่าการจัดประชุมในลักษณะนี้ จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : กรณีชมรมฯ ได้จัดการประชุมในปี 2542 ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ชมรมฯ มีฐานะ เป็น "คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล" ตามมาตรา 77/1 (3) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีชมรมฯ ได้ รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อให้ความรู้ในเชิงวิชาการ และได้กระทำขึ้นในโอกาสที่ สำคัญพิเศษ เช่นกรณีนี้เท่านั้น มิได้กระทำเพื่อหาผลกำไรหรือทำเป็นปกติธุระ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการ ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ ตามมาตรา 77/1 (5) แห่ง ประมวลรัษฎากร ดังนั้น ชมรมฯ จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชมรมฯ มีฐานะเป็น "คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล" เงินได้จาก การจัดการประชุมฯ ตามข้อ 1 และข้อ 2 (1) (2) เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (8)แห่งประมวลรัษฎากร และไม่มีกฎหมายอื่นใดยกเว้นภาษีเงินได้ให้ ดังนั้น คณะบุคคลดังกล่าวจึงต้อง เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร การคำนวณภาษีเงินได้ ให้หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรเท่านั้น ตามมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 และหักลดหย่อนสำหรับคณะบุคคลได้รวมกันไม่เกิน 60,000 บาท ตามมาตรา 47 (6) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรรายการใด ไม่สามารถเรียกใบเสร็จรับเงิน จากผู้รับได้เพื่อให้มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีผู้รับเงินจริง ชมรมฯ อาจทำหลักฐานการจ่ายเงินที่ระบุชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร เลขที่ในบัตรประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา) วัน เดือน ปี จำนวนเงิน รายการที่จ่าย และให้ผู้รับเงินลงชื่อไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการหักค่าใช้จ่ายได้ |
เลขตู้ | : 61/27191 |