เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.16979 |
วันที่ | : 16 ธันวาคม 2541 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการนำส่งภาษีขาย |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 3 อัฏฐ, มาตรา 78/3(1), มาตรา 83, กฎกระทรวงฯ ฉบับที่ 198 (พ.ศ. 2534) |
ข้อหารือ | : ลูกจ้างจัดเก็บและรับเงินของรัฐวิสาหกิจได้ถูกคนร้ายชิงทรัพย์เงินที่ออกไปเก็บจำนวน 150,939.61 บาท ในการจับกุมและดำเนินคดีกับคนร้ายปรากฏว่า ได้เงินคืนในการจับกุม 35,000 บาท คงเหลือ 115,939.61 บาท ศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินคืน ขณะนี้อยู่ในชั้นบังคับคดีไม่อาจ คาดหมายจำนวนที่จะได้รับเงินดังกล่าวคืนได้ รัฐวิสาหกิจเห็นว่ากรณีนี้เป็นเหตุสุดวิสัยมิใช่ความผิดของ รัฐวิสาหกิจ จึงขอทราบว่า 1. การที่รัฐวิสาหกิจไม่ได้รับชำระเงินตามที่ศาลพิพากษา และยังไม่ได้นำเงินเป็นรายได้ รัฐวิสาหกิจจะต้องนำส่งภาษีขายด้วยหรือไม่ ถ้านำส่งจะคำนวณจากฐานใด 2. ระยะเวลาในการนำส่งกำหนดไว้อย่างไร และจะขอขยายเวลาได้หรือไม่เพียงใด |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เกิดขึ้นเมื่อพนักงานของรัฐวิสาหกิจ ได้รับชำระราคาค่าบริการหรือได้มีการออกใบกำกับภาษีก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ ตามมาตรา 78/3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 1. ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ทั้งนี้โดยใช้ราคาค่าบริการ (ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่ได้รับชำระจากผู้ซื้อ เป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีตาม 2. รัฐวิสาหกิจจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนภาษีนั้น ๆ ตามมาตรา 83 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีที่มี เหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ก็สามารถขอขยายเวลาต่ออธิบดีกรมสรรพากร ออกไปได้ ตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร อนึ่งสำหรับกรณีเงินค่าบริการถูกคนร้ายชิงทรัพย์ไปนั้น เป็นเรื่องระหว่างรัฐวิสาหกิจกับผู้ชิง ทรัพย์ที่จะต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณี ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ทำให้ความรับผิดใน การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐวิสาหกิจ เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด |
เลขตู้ | : 61/27344 |