เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.02099 |
วันที่ | : 4 มีนาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเฉลี่ยภาษีซื้อ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 82/6, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ |
ข้อหารือ | : 1. บริษัทฯ ประกอบกิจการผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศและส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีรายได้บางส่วนจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่ง เป็นกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 2. บริษัทฯ เริ่มประกอบกิจการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2530 โดยมีรายได้ของกิจการที่ต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการมาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อกฎหมาย ภาษีมูลค่าเพิ่มบังคับใช้ใน ปี พ.ศ. 2535 บริษัทฯ จึงได้ถือปฏิบัติตามข้อ 3 (1) แห่ง ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 กล่าวคือ ภาษีซื้อของสินค้าหรือบริการที่ใช้ร่วมกันของกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและกิจการที่ไม่ต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าโทรศัพท์ และค่าเครื่องเขียนแบบพิมพ์ บริษัทฯ จะ นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายโดยไม่ทำการเฉลี่ยภาษีซื้อ 3. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ กิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ มีรายได้ลดลง เป็นผลให้ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2539-2541 สัดส่วนของรายได้ของกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีน้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ ทั้งสิ้น และบริษัทฯ คาดว่า ในอนาคตกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งอาจมี รายได้สูงหรือต่ำกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ 4. โดยที่ตามข้อ 3 วรรคท้าย แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าวได้ระบุไว้ ว่า "เมื่อได้เลือกปฏิบัติตามวรรคหนึ่งแล้วก็ให้ถือปฏิบัติตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดี กรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้" บริษัทฯ จึงได้ถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเฉลี่ยภาษีซื้อตามวิธีการใน 2. มา โดยตลอด จึงขอทราบว่า การที่บริษัทฯ ได้นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายโดยไม่ทำการเฉลี่ย ภาษีซื้อ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร |
แนววินิจฉัย | : 1. ผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่ประกอบกิจการและมีรายได้ของปีที่ผ่านมาแล้ว หากมี ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือบริการซึ่งได้นำไปใช้ในกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและ ประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นภาษีซื้อของ กิจการประเภทใด ผู้ประกอบการจะต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในข้อ 2 (3) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 กล่าวคือ ผู้ประกอบการจะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อของสินค้าหรือบริการตามส่วนของรายได้ของ แต่ละกิจการ โดยมีสิทธิเลือกเฉลี่ยภาษีซื้อได้ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 เฉลี่ยภาษีซื้อ ตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมา ของกิจการที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มและกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และขอคืนภาษีซื้อตามที่ได้เฉลี่ยไว้ โดยไม่ต้องทำ การปรับปรุงภาษีซื้อในภายหลังอีก วิธีที่ 2 เฉลี่ยภาษีซื้อ ตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมา ของกิจการทั้งสองประเภท และเมื่อสิ้นปีให้ผู้ประกอบการทำการปรับปรุงภาษีซื้อให้เป็นไปตามส่วนของรายได้ ที่เกิดขึ้นจริงทั้งปี ของ กิจการทั้งสองประเภท 2. อย่างไรก็ดี ตามข้อ 3 (1) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ดังกล่าว ได้กำหนด หลักเกณฑ์ที่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่จะไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อ โดยในกรณี รายได้ของปีที่ผ่านมา ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของ รายได้ทั้งสิ้นของกิจการ ผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกนำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายได้ โดย ไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ใน 1. และเมื่อผู้ประกอบการได้เลือกปฏิบัติตามวิธีนี้แล้วก็ต้อง ถือปฏิบัติตลอดไป จนกว่าส่วน ของรายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมี จำนวนน้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ หรือ ผู้ประกอบการได้รับอนุมัติจากอธิบดี กรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้ 3. กรณีตามข้อเท็จจริงของบริษัทฯ พิจารณาได้ ดังนี้ 3.1 การเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2535 - 2539 ใน รอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2530-2538 บริษัทฯ มีรายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ ดังนั้น เมื่อกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มมีผลใช้ บังคับในปี พ.ศ. 2535 การเฉลี่ยภาษีซื้อของบริษัทฯ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2535 - 2539 ซึ่งเป็นรอบระยะเวลาบัญชีที่มีรายได้ของรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษี มูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ บริษัทฯ จึงมีสิทธิเลือกนำภาษีซื้อทั้งจำนวน ไปหักออกจากภาษีขาย โดยไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อ ทั้งนี้ ตามข้อ 3 (1) แห่ง ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 3.2 การเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2540 - 2541 เนื่องจากใน รอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2539 และรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรอบระยะเวลาบัญชี ที่ผ่านมา ของรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2540 และรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2541 ตามลำดับ กิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ มีรายได้ลดลงเป็นผลให้รายได้ของกิจการที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ กรณีตามข้อเท็จจริง จึงไม่เป็น ไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 3 (1) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าว ดังนั้น ใน รอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2540 และรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2541 บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิเลือกนำ ภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายในแต่ละเดือนภาษีแต่บริษัทฯ จะต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อในแต่ละ เดือนภาษี ตามส่วนของรายได้ของรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาของแต่ละกิจการ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในข้อ 2 (3) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าวและสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปีต่อ ๆ ไป หากในรอบระยะเวลาบัญชีใด บริษัทฯ มีรายได้ของรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการแล้วบริษัทฯ ย่อมมีสิทธิเลือกนำ ภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายโดยไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามหลักเกณฑ์ในข้อ 3 (1) แห่ง ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าวได้อีก |
เลขตู้ | : 62/27604 |