เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.02607 |
วันที่ | : 23 มีนาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีชำระค่าสินค้าหรือค่าจ้างทำของด้วยเงินกู้จากต่างประเทศ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 80, มาตรา 80/1, มาตรา 121, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับ ที่ 28)ฯ, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 236) พ.ศ. 2534 |
ข้อหารือ | : สำนักงานกองทุนเพื่อสังคม เป็นผู้บริหารกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคมและกองทุนพัฒนา เมืองในภูมิภาค ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นโครงการลงทุนเพื่อสังคมที่กระทรวงการคลังได้รับอนุมัติให้ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2541 ตามโครงการเงินกู้และเงินช่วยเหลือ จากต่างประเทศ ในการบริหารกองทุนดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ให้สำนักงานฯ ธนาคารออมสินเป็น ผู้จัดการและบริหารกองทุนในนามกระทรวงการคลัง ในการจัดการดังกล่าว สำนักงานฯ จะต้องมี การจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานฯ และต้องเป็นผู้จัดจ้างแทนองค์กรชุมชนอีกส่วนหนึ่ง ด้วย สำนักงานฯ ขอทราบว่า 1. กรณีสำนักงานฯ จ่ายค่าจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานฯ ในการ เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสำนักงานฯ ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 0 ได้ หรือไม่ 2. หากเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ได้ รูปแบบของหนังสือรับรองการชำระ ค่าสินค้าหรือค่าบริการควรเป็นเช่นไร 3. กรณีสำนักงานฯ จัดซื้อจัดจ้างแทนองค์กรชุมชน ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ 4. กรณีสำนักงานฯ ทำหนังสือสัญญาต่าง ๆ จะต้องเสียอากรแสตมป์หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของกองทุนฯ ในการซื้อสินค้า หรือรับบริการดังกล่าว หากเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการของกองทุนฯ ซึ่งเป็นของกระทรวงการคลัง ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าว ย่อมได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (4) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะว่าเป็นการชำระ ค่าสินค้าหรือค่าบริการด้วยเงินกู้ตามโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ โดยกระทรวงการคลังเจ้าของ กองทุนฯ สามารถจัดทำหนังสือมอบอำนาจไปในคราวเดียวกันให้สำนักงานฯ เป็นตัวแทนในการจัดซื้อหรือ จัดจ้างและใบกำกับภาษีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างออกให้นั้น จะต้องระบุชื่อกระทรวงการคลังเจ้าของกองทุนฯ เป็นผู้ซื้อหรือผู้จ้าง ทั้งนี้กระทรวงการคลังและผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28) ฯลฯ ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2535 แต่หากเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการของสำนักงานฯ ธนาคารออมสิน เพื่อใช้ใน การบริหารหรือจัดการกองทุนฯ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าวจะต้อง เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสำนักงานฯ ในอัตราร้อยละ 10.0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 236) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 309)พ.ศ. 2540 2. กรณีออกหนังสือรับรองการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการจากเงินกู้ต่างประเทศดังกล่าว หนังสือรับรองต้องมีข้อความครบถ้วนตามข้อ 2 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28) ฯลฯ ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2535 และสำนักงานฯ จะต้องแนบภาพถ่าย หนังสือมอบอำนาจจากกระทรวงการคลังเจ้าของกองทุนฯ พร้อมกับการออกหนังสือรับรองทุกครั้ง 3. กรณีสำนักงานฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลังให้องค์กรชุมชนกู้ยืมเงิน และ องค์กรชุมชนได้นำเงินกู้ไปซื้อสินค้าหรือว่าจ้างทำของ แต่ให้ผู้ขายสินค้าหรือผู้รับจ้างรับค่าสินค้าหรือ ค่าจ้างจากสำนักงานฯ ในกรณีดังกล่าว ถ้าองค์กรชุมชนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ย่อมมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ เฉพาะค่าจ้างทำของ ตามข้อ 8 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.19/2530 ฯลฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530 4. กรณีสำนักงานฯ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลังในการทำสัญญาต่าง ๆ ถ้า สำนักงานฯ ซึ่งถือเป็นบุคคลผู้กระทำการในนามของรัฐบาลเป็นฝ่ายที่ต้องเสียอากร สำนักงานฯ ย่อมได้ รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ตามมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 62/27665 |