เลขที่หนังสือ | : กค 0811/02738 |
วันที่ | : 25 มีนาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินที่ลูกจ้างได้รับจากการปิดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 27, มาตรา 40, มาตรา 42, มาตรา 48, มาตรา 64, กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ได้ตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับพนักงาน โดยให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ก จำกัด เป็นผู้จัดการกองทุน ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติยกเลิกกองทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 และจ่ายคืนเงินกองทุนให้กับพนักงานเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2541 ทราบว่า เงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการปิดกองทุนดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่ง ประมวลรัษฎากร พนักงานต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้พึงประเมินอื่น ทำให้พนักงานต้องรับภาระ ภาษีมากขึ้นเป็น 2 เท่า และสำหรับพนักงานที่ใกล้จะเกษียณอายุ ก็มีภาระภาษีแทนที่จะได้รับยกเว้นภาษี เมื่อได้รับเงินเมื่อเกษียณอายุบริษัทฯ จึงขอให้หามาตรการในการคำนวณภาษีเงินได้จากเงินกองทุน ดังกล่าว และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่พนักงาน ขอให้พนักงานยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 เฉพาะเงินได้ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ไปก่อนภายในวันที่ 31 มีนาคม 2542 นี้ และยื่นเสียภาษีจากเงินกองทุนฯ เพิ่มเติมเมื่อได้ข้อยุติ |
แนววินิจฉัย | : กรณีตามข้อเท็จจริง 1. เงินที่พนักงานได้รับจากการปิดกองทุนฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2541 ถือเป็น เงินที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่เงินได้ดังกล่าว ไม่ใช่เงินที่พนักงานได้รับเมื่อออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตายตามข้อ 2 (36) แห่ง กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 195 (พ.ศ. 2538)ฯ ดังนั้น จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร และหากเงินที่พนักงานได้รับเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2541 นี้ มิใช่กรณีบริษัทฯ เลิกจ้างหรือพนักงานขอ ลาออกจากงาน จึงมิใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามมาตรา 48 (5) แห่ง ประมวลรัษฎากร พนักงานต้องนำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นที่ได้รับในปีภาษี 2541 ตามมาตรา 48 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร และชำระภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2542 ทั้งนี้ ไม่อาจขยายเวลาการชำระภาษีสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปิดกองทุนฯ ดังกล่าวได้ 2. สำหรับมาตรการในการบรรเทาภาระภาษี ถ้าจำนวนภาษีที่พนักงานจะต้องเสียสำหรับ เงินได้พึงประเมินข้างต้นภายในกำหนดวันที่ 31 มีนาคม 2542 มีจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป พนักงานจะชำระภาษีเป็นสามงวด ๆ ละเท่า ๆ กันก็ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่ง ประมวลรัษฎากร ดังนี้ งวดที่หนึ่ง ต้องชำระภายในวันที่ 31 มีนาคม 2542 งวดที่สอง ต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง (ภายในวันที่ 30 เมษายน 2542) งวดที่สาม ต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง (ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2542) ถ้าไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดดังกล่าว พนักงานหมดสิทธิที่จะชำระ ภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับงวดที่ไม่ชำระ และงวดต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 64 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 62/27695 |