เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/พ.05186
วันที่: 2 มิถุนายน 2542
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายทรัพย์สินของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และกรณีการรับจ้างผสมเคมีภัณฑ์แล้วส่งออกไปต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 80/1, มาตรา 82, มาตรา 82/3, มาตรา 82/5, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 15)ฯ
ข้อหารือ: บริษัท ประกอบกิจการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ ยา
กำจัดวัชพืชและยาฆ่าแมลงแต่เพียงประเภทเดียว ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 (1)
(จ)และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด และบริษัทประสงค์จะขายทรัพย์สินที่ใช้แล้วของบริษัท
เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และเครื่องจักรที่ใช้ในการบรรจุ ฯลฯ โดยวิธีให้ผู้สนใจยื่นเสนอประมูลโดยจะ
กำหนดราคาประมูลขั้นต่ำไว้ และบริษัทฯ มีแผนธุรกิจในปี 2542 จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนอยู่ใน
ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 10.0 สำหรับหน่วยงานใหม่ซึ่งจะตั้งขึ้นเพื่อให้บริการรับจ้างทำของแบบ
Turnkey แก่บริษัทผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดเข้มข้น ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศและไม่มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ใน
ประเทศไทยแต่อย่างใด โดยงานที่จะให้บริการแก่บริษัทดังกล่าว มีดังนี้
(1) รับจ้างผสมเคมีภัณฑ์ หรือทำให้เคมีภัณฑ์เจือจาง ตามสูตรที่ผู้ว่าจ้างกำหนด โดย
ส่วนผสมที่ทำให้เคมีภัณฑ์เจือจาง มีทั้งกรณีที่ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาทั้งหมด และกรณีที่ผู้รับจ้างจัดหาบางส่วน
(2) รับจ้างบรรจุเคมีภัณฑ์เจือจางจากข้อ (1) ลงในบรรจุภัณฑ์ที่ผู้ว่าจ้างกำหนดคุณสมบัติ
โดยผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์
(3) ในการรับจ้างผสม และบรรจุเคมีภัณฑ์ ผู้รับจ้างเป็นผู้นำเข้าเคมีภัณฑ์เข้มข้น และ
ส่วนผสมอื่นๆและเป็นผู้ส่งออกเคมีภัณฑ์ที่บรรจุเรียบร้อยแล้ว
สำหรับค่าบริการตามสัญญาจ้างบรรจุเคมีภัณฑ์ ตามข้อ (1)-(3) คิดค่าบริการเป็นการ
เหมาในอัตรา xxx บาท ต่อการให้บริการ 1 lot
ขอทราบดังนี้
1. การขายทรัพย์สินที่ใช้แล้วของบริษัท ไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องนำรายได้
จากการขายไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลถูกต้องหรือไม่
2. การประกอบกิจการรับจ้างถือเป็นการให้บริการรับจ้างทำของให้กับผู้ประกอบการใน
ต่างประเทศโดยมีสาระสำคัญของการรับจ้างทำของเกิดขึ้นในไทย และได้ส่งผลของการให้บริการไปใช้
ในต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกบริการดังกล่าวในอัตราร้อยละ
0 พร้อมทั้งมีสิทธิเครดิตภาษีซื้อที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดังกล่าวทั้งหมด ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: 1. การขายทรัพย์สินที่มีไว้ในการประกอบกิจการผลิต และจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร
ประเภทยากำจัดวัชพืช และยาฆ่าแมลง ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1) (จ) แห่ง
ประมวลรัษฎากร เมื่อมิได้นำทรัพย์สินไปใช้ในกิจการอื่น นอกจากกิจการที่ได้รับยกเว้น จึงไม่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. การที่บริษัทฯ ประกอบกิจการผลิตสินค้าเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร ประเภทกำจัดวัชพืช
และยาฆ่าแมลง และบริษัทต่างประเทศได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ ทำการผสมเคมีภัณฑ์หรือทำให้เคมีภัณฑ์
เจือจาง โดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดหาส่วนผสมให้หากเคมีภัณฑ์ที่ทำการผสมแล้วมีส่วนผสมหรือวัตถุดิบเป็นชนิด
เดียวกับสินค้าที่บริษัทฯ ผลิตเพื่อจำหน่าย ถือเป็นการขายสินค้า เมื่อส่งไปให้บริษัทในต่างประเทศถือเป็น
การส่งออกสินค้าบริษัทฯ มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (1) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
แต่หากเป็นกรณีผสมเคมีภัณฑ์หรือทำให้เคมีภัณฑ์เจือจาง โดยใช้ส่วนผสมหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่
บริษัทต่างประเทศผู้ว่าจ้างส่งมาให้ แล้วบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้จัดหา ถือเป็นการจ้าง
ทำของและเมื่อได้ส่งเคมีภัณฑ์เจือจางดังกล่าวไปให้บริษัทในต่างประเทศ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการที่
กระทำในราชอาณาจักร และได้มีการใช้บริการในต่างประเทศ ซึ่งหากการรับจ้างดังกล่าวมีหลักฐานเป็น
หนังสือ บริษัทฯมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (2) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 15) เรื่อง
กำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข กรณีการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักร และได้มี
การใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตามมาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ธันวาคม
พ.ศ. 2534
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ถูกเรียกเก็บในฐานะผู้นำเข้า ตามมาตรา 82 (2) และ
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ถูกเรียกเก็บจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการ เพื่อใช้ในการประกอบกิจการ
ส่งออกสินค้าหรือส่งออก บริษัทฯ มีสิทธิขอเครดิตหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 82/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร และไม่เป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 62/27866

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020