เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/05188
วันที่: 2 มิถุนายน 2542
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีกิจการวิเทศธนกิจจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเงินตราต่างประเทศไปต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ตรี, มาตรา 66, มาตรา 70, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่
47) พ.ศ.2536, พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 307)ฯ
ข้อหารือ: ธนาคาร เอ สำนักงานวิเทศธนกิจ กรุงเทพ (A-BIBF) ขอทราบการหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ในการกู้ยืมเงินของกิจการวิเทศธนกิจดังต่อไปนี้
1. กรณีที่ A-BIBF กู้ยืมเงินจากสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ หรือสาขาอื่น ๆ ใน
ต่างประเทศและนำมาให้กู้ยืมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
2. กรณีที่ A-BIBF กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอื่นในต่างประเทศ (ซึ่งมิใช่
สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศและหรือสาขาอื่น ๆ ของธนาคารฯ ในต่างประเทศ) และนำมาให้กู้ยืมกับ
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
3. กรณีที่ A-BIBF กู้ยืมเงินจากสถาบันเงินอื่นในต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทย่อย แต่เป็น
คนละนิติบุคคลกับธนาคารฯ และนำมาให้กู้ยืมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือ
รัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
เมื่อ A-BIBF ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเงินตราต่างประเทศจากการประกอบกิจการ
วิเทศธนกิจออกไปยังต่างประเทศตามกรณีดังกล่าวข้างต้น A-BIBF มีหน้าที่ต้องหักและนำส่งภาษีเงินได้
หรือไม่อย่างไร
แนววินิจฉัย: 1. กรณี ธนาคาร เอ สำนักงานวิเทศธนกิจ กรุงเทพ (A-BIBF) กู้เงินจากสำนักงานใหญ่
หรือสาขาในต่างประเทศ เพื่อมาให้กู้แก่รัฐวิสาหกิจ โดยการกู้ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจาก
กระทรวงการคลังแล้วนั้น ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ได้รับยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 307) พ.ศ. 2540 เนื่องจาก
A-BIBF เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและประกอบกิจการในประเทศไทย ดังนั้น เมื่อ
A-BIBF จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวออกไปให้กับสำนักงานใหญ่หรือสาขาในต่างประเทศ แยกพิจารณาได้
ดังนี้
1.1 ตามหลักกฎหมายทั่วไปสาขาและสำนักงานใหญ่ถือเป็นนิติบุคคลเดียวกัน ดังนั้น เมื่อ
A-BIBF จ่ายดอกเบี้ยออกไปให้สำนักงานใหญ่หรือสาขาในต่างประเทศ A-BIBF ไม่มีหน้าที่ต้องหักและ
นำส่งภาษีเงินได้ ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด และ A-BIBF ไม่มีสิทธินำดอกเบี้ย
ดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี
(11) แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่อนุสัญญาภาษีซ้อนไทย-เบลเยี่ยมจะกำหนดเป็นอื่น
1.2 อย่างไรก็ดี ในกรณีของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการวิเทศธนกิจนั้น มีสิทธิ
ประโยชน์ตามประมวลรัษฎากรบางประการ กล่าวคือ หาก A-BIBF จ่ายดอกเบี้ยออกไปให้
สำนักงานใหญ่หรือสาขาในต่างประเทศ โดย A-BIBF ได้หักและนำส่งภาษี ตามมาตรา 70 แห่ง
ประมวลรัษฎากรแล้ว A-BIBF จะมีสิทธินำดอกเบี้ยดังกล่าวไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
ตามข้อ 2 (ก) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 47) เรื่อง กำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะ
กำไรสุทธิส่วนที่ได้จากการประกอบกิจการวิเทศธนกิจ ลงวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 แก้ไข
เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 50)ฯ ประกอบกับ
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 260) พ.ศ.
2535
2. กรณี A-BIBF กู้เงินจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
เพื่อมาให้กู้แก่รัฐวิสาหกิจ โดยการกู้ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้วนั้น เมื่อ
A-BIBF จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ออกไปให้กับผู้ให้กู้ในต่างประเทศ แยกพิจารณาได้ดังนี้
2.1 กรณีผู้ให้กู้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ผู้ให้กู้ดังกล่าวได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกา ออก
ตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 307) พ.ศ. 2540 ดังนั้น A-BIBF
จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักและนำส่งภาษีแต่อย่างใด
2.2 กรณีผู้ให้กู้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
และประกอบกิจการในประเทศไทย A-BIBF ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด แต่ผู้ให้กู้มี
หน้าที่ต้องนำดอกเบี้ยที่ได้รับจาก A-BIBF ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
ตามมาตรา 66 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 62/27868

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020