กฎกระทรวง
ฉบับที่ 222 (พ.ศ. 2542)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยภาษีเงินได้
---------------------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 และมาตรา 65 ตรี (4) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2521 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน (2) ของข้อ 3 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน
(2) เป็นค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการไม่เกินคนละ 2,000 บาท ในแต่ละคราวที่มีการรับรองหรือการบริการ
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 150 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ข้อ 4 จำนวนเงินค่ารับรองและค่าบริการให้นำมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่ากับจำนวนที่ต้องจ่าย แต่รวมกันต้องไม่เกินร้อยละ 0.3 ของจำนวนเงินยอดรายได้หรือยอดขายที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดในรอบระยะเวลาบัญชีหรือของจำนวนเงินทุนที่ได้รับชำระแล้วถึงวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า ทั้งนี้ รายจ่ายที่จะนำมาหักได้จะต้องมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท
ข้อ 3 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นไป
ให้ไว้ ณ วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2542
ธารินทร์ นิมมานเหมินท์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
___________________________________________________________________
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไปทำให้จำนวนค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการและวงเงินค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารับรองและค่าบริการที่กำหนดให้นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายเดิมเปิดโอกาสให้นิติบุคคลสามารถนำค่ารับรองหรือค่าบริการมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้โดยไม่จำกัดจึงทำให้มีการนำมาหักเป็นรายจ่ายสูงมาก ดังนั้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลที่ได้รับการรับรองหรือรับบริการให้สูงขึ้น และแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนเงินค่ารับรองและค่าบริการที่จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นไม่เกินอัตราร้อยละ 0.3 ของยอดรายได้หรือยอดขายที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดในรอบระยะเวลาบัญชีหรือของจำนวนเงินทุนที่ได้รับชำระแล้วถึงวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า และกำหนดวงเงินขั้นสูงที่ให้นำมาหักเป็นรายจ่ายไว้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นมาตรการจำกัดจำนวนค่าใช้จ่ายสำหรับการรับรองและการบริการไม่ให้มากเกินความจำเป็น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
(ร.จ.เล่ม 116 ตอนที่ 70 ก วันที่ 4 สิงหาคม 2542)