เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/07770
วันที่: 3 สิงหาคม 2542
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่คืนหรือลดภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภค
ข้อกฎหมาย: มาตรา 77/1(10), มาตรา 78
ข้อหารือ: ตามที่นาย ก. ได้มีหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการโทรศัพท์
เคลื่อนที่ของ บริษัท A จำกัด (มหาชน) (หรือบริษัท AIS) ไม่คืนหรือลดภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภค
โดยบริษัทฯ ยังคงเรียกเก็บภาษีในอัตราเดิมคือร้อยละ 10 สำหรับค่าบริการที่ชำระตั้งแต่วันที่ 1
เมษายน 2542 และท่านได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังบริษัท AIS ได้รับคำชี้แจงว่า บริษัทฯ จำเป็น
ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 แม้ว่าจะได้ชำระค่าบริการหลังวันที่ 1 เมษายน 2542
เพราะบริษัทฯ ได้ออกใบกำกับภาษีล่วงหน้าไว้แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2542 อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในขณะ
นั้นยังคงเป็นร้อยละ 10 บริษัทฯ จึงต้องเก็บเงินจากลูกค้าตามนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งนาย ก.
เห็นว่าคำชี้แจงของบริษัทฯ ไม่ชอบด้วยเหตุผลเนื่องจากการที่บริษัทฯ ออกใบกำกับภาษีล่วงหน้า หรือได้มี
การชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ใช้บริการไปแล้วในอัตราร้อยละ 10 เป็นการกระทำของบริษัทฯ เองท่าน
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องด้วย ท่านมีหน้าที่ที่จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่กฎหมายกำหนดในวันชำระ
ค่าบริการ คือ ร้อยละ 7 เท่านั้น หากต้องมีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษี (ร้อยละ 10)
ส่วนที่เกินจากร้อยละ 7 ต้องเป็นหน้าที่ของบริษัทฯ รับภาระเองมิใช่ผลักภาระให้ผู้ใช้บริการ จึงหารือว่า
1.1 การออกใบกำกับภาษีล่วงหน้าก่อนที่จะมีการชำระเงินจากผู้ใช้บริการ หรือการที่
บริษัทฯชำระภาษีมูลค่าเพิ่มไปก่อนแล้วเรียกเก็บจากลูกค้าภายหลังนั้น บริษัทฯ ทำได้หรือไม่
1.2 กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีนี้เท่าใด
1.3 หากกรมสรรพากรจำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบแจ้งหนี้ในอัตราร้อยละ
10 ตามที่บริษัทฯ กล่าวอ้าง ภาษีในส่วนที่เกินร้อยละ 7 บริษัทฯ ต้องเป็นผู้รับภาระใช่หรือไม่
แนววินิจฉัย: 1. มาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลด
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้ใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7.0
สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2544 ดังนั้น ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับ
บริการซึ่งได้รับใบกำกับภาษีที่ออกตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 จึงต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0
การให้เช่าเลขหมายประจำเดือนและการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท AIS ตาม
ข้อเท็จจริงข้างต้น เข้าลักษณะเป็น "การให้บริการ" ตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการจึงเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่มี
การออกใบกำกับภาษีหรือได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น ก็ให้ถือว่าความรับผิดในการเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีบริษัทฯ AIS ออกใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 ซึ่ง
พระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 ยังไม่มีผลใช้บังคับ
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่บริษัทฯ ออกใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี บริษัทฯ ต้อง
เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10.0 จากผู้ใช้บริการ และต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 เพื่อเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10.0 ในเดือนภาษีที่ความรับผิดเกิดขึ้น แม้ว่าบริษัทฯ จะยังไม่ได้รับชำระ
ค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ใช้บริการก็ตาม และเมื่อผู้ใช้บริการนำเงินมาชำระไม่ว่าก่อนหรือหลัง
วันที่ 1 เมษายน 2542 บริษัทฯ มีสิทธิเรียกเก็บเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10.0 ของ
ค่าบริการตามมูลหนี้ในใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษีที่ได้ออกไปล่วงหน้าแล้วนั้น ดังนั้น การออกใบกำกับภาษี
ก่อนที่จะมีการชำระเงินจากผู้ใช้บริการ บริษัทฯ จึงมีสิทธิที่จะทำได้ตามกฎหมาย
2. กรณีตามข้อเท็จจริง ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1
เมษายน 2542 ดังนั้น กรมสรรพากรจึงเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนในอัตราร้อยละ
10.0
3. ภาษีขายในส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 7.0 บริษัทฯ มีสิทธิที่จะเรียกเก็บจากนาย ก. ได้
ทั้งนี้ ตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีที่บริษัทฯ จะรับภาระดังกล่าวไว้เองหรือจะเรียบเก็บ
เพิ่มเติมจากท่านย่อมเป็นสิทธิของบริษัทฯ ที่จะทำความตกลงกับท่าน
เลขตู้: 62/28124

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020