เลขที่หนังสือ | : กค 0811/09038 |
วันที่ | : 31 สิงหาคม 2542 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 69 ทวิ, มาตรา 80/1(4) |
ข้อหารือ | : หารือเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษี มูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 ปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิมซึ่งจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10.0 เป็นอัตราร้อยละ 7.0 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 และจัดเก็บใน อัตราร้อยละ 10.0 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 เป็นต้นไป โดยแจ้งว่า กรมการปกครองได้รับ งบประมาณโครงการลงทุนเพื่อสังคม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้มาจากเงินกู้ธนาคารโลก 90% และเงินงบประมาณ 10% สำหรับโครงการเงินกู้ได้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 และส่วนที่ใช้ เงินงบประมาณ ซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ดำเนินการ ดังนี้ 1. ทำสัญญากับผู้รับจ้างก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 และจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างหลังวันที่ 1 เมษายน 2542 2. ประกาศสอบราคาก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 และทำสัญญาจ้างหลังวันที่ 1 เมษายน 2542 3. ประกาศสอบราคาและทำสัญญาหลังวันที่ 1 เมษายน 2542 จึงหารือว่า ส่วนราชการที่จ่ายเงินจะต้องคำนวณอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ให้กับผู้รับจ้างอย่างไร พร้อมทั้งได้แนบตัวอย่างการคำนวณภาษีไปประกอบการพิจารณา |
แนววินิจฉัย | : การชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนด้วยเงินกู้ธนาคารโลก ตาม มาตรการโครงการลงทุนเพื่อสังคม เข้าลักษณะเป็นการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 1 ของ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขการขายสินค้าหรือการให้บริการกับกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ตามมาตรา 80/1 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2535 หากกรมการปกครองซึ่งเป็นส่วนราชการได้ออกหนังสือรับรองที่มี รายการครบถ้วนตามข้อ 2 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าว ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะ ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 (4) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับ การชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนด้วยเงินงบประมาณนั้น เนื่องจาก พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 ปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิม ซึ่งจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10.0 เป็นอัตราร้อยละ 7.0 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 และจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10.0 ตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2544 เป็นต้นไป จึงเป็นผลให้การขายสินค้า การให้บริการหรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่ง ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 สัญญาให้บริการกับกรมการปกครองตามข้อเท็จจริงที่ได้สอบราคา หรือทำสัญญาก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 โดยได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10.0 ไว้ในราคาค่าบริการ และเป็นกรณีที่ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 กรมการปกครองต้องจ่ายค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณในอัตราร้อยละ 7.0 โดยคำนวณมูลค่างาน และภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ เนื่องจากราคาค่าบริการที่สอบราคาหรือทำสัญญาก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 เป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วเท่ากับสิบส่วนในหนึ่งร้อยสิบส่วน สำหรับกรณีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ให้ส่วนราชการผู้จ่ายค่าบริการให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายไทย มี หน้าที่คำนวณหักภาษีณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1 ของราคาค่าบริการโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตาม มาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร กรณีที่ได้สอบราคาและทำสัญญาให้บริการกับกรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ไว้ในราคาค่าบริการ ราคาค่าบริการตามสัญญาจึงเป็นราคา รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วเท่ากับเจ็ดส่วนในหนึ่งร้อยเจ็ดส่วน ตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่แล้ว สำหรับ กรณีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายให้ส่วนราชการผู้จ่ายค่าบริการให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่ง จดทะเบียนตามกฎหมายไทย คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของราคาค่าบริการโดยไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 62/28258 |