เลขที่หนังสือ | : กค 0811/09287 |
วันที่ | : 7 กันยายน 2542 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณี A และ B เข้ามาให้บริการฝึกอบรม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/2, มาตรา 83/6, มาตรา 76 ทวิ, มาตรา 41 |
ข้อหารือ | : บริษัท A และ B เข้ามาให้บริการฝึกอบรมกับกรมอาชีวศึกษา โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้ 1. A และ B เป็นสถาบันการศึกษา ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายประเทศออสเตรเลียและ ประเทศแคนาดา ตามลำดับ ไม่มีสถานประกอบการในประเทศไทย 2. สถาบันทั้งสองได้เข้ามาทำสัญญาให้บริการฝึกอบรมในประเทศไทย 3. สถาบันทั้งสองแห่งได้หารือ ดังต่อไปนี้ (ก) ภาษีมูลค่าเพิ่ม การให้บริการฝึกอบรมในประเทศไทยดังกล่าวจะต้องเสียภาษี มูลค่าเพิ่มหรือไม่อย่างไร (ข) ภาษีเงินได้นิติบุคคล สถาบันทั้งสองแห่งต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก ค่าจ้างฝึกอบรมจากกรมอาชีวศึกษา หรือไม่ อย่างไร (ค) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เจ้าหน้าที่ของสถาบันที่เข้ามาฝึกอบรมในประเทศไทย จะต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย จากค่าจ้างที่ได้รับจากสถาบันทั้งสอง หรือไม่ อย่างไร และหากต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะสามารถนำภาษีใน ประเทศไทยไปเครดิตภาษีที่ต้องเสียในประเทศที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีถิ่นที่อยู่ได้หรือไม่ อย่างไร และ เจ้าหน้าที่ต้องมีหน้าที่รับใบผ่านภาษีอากรจากกรมสรรพากรหรือไม่ อย่างไร |
แนววินิจฉัย | : (1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีที่สถาบันทั้งสอง เข้ามารับจ้างทำการฝึกอบรมตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เข้า ลักษณะเป็นการให้บริการโดยผู้ประกอบการในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตาม มาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น หากสถาบันทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตาม มาตรา 85/3 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อกรมอาชีวศึกษาชำระค่าบริการให้สถาบันทั้งสอง กรมอาชีวศึกษามีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร (2) ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีที่สถาบันทั้งสอง เข้ามารับจ้างฝึกอบรม เข้าลักษณะเป็นกิจการซึ่งดำเนินการเป็น ทางค้าหรือหากำไร โดยนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ซึ่งเข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น สถาบันทั้งสอง จึงมีหน้าที่เสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าจ้างที่ได้รับ โดยเจ้าหน้าที่ของสถาบันทั้งสองที่เข้ามาทำ การสอนในประเทศไทยมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีแทนสถาบันทั้งสองตาม มาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องขอรับใบผ่านภาษีอากรจาก กรมสรรพากรตามมาตรา 4 ทวิ และมาตรา 4 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ดี หากสถาบันทั้งสองเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีอากรในประเทศออสเตรเลียและ ประเทศแคนาดาสถาบันทั้งสองอาจได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามข้อบทของ อนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศออสเตรเลีย หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศ แคนาดา เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนแล้วแต่กรณี (3) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่เจ้าหน้าที่ของสถาบันทั้งสอง เข้ามาทำการสอนในประเทศไทยโดยได้รับค่าจ้าง จากสถาบันทั้งสอง ถือได้ว่าเงินได้ดังกล่าวเกิดจากหน้าที่งานที่ทำในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ดังกล่าวมี หน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ดี หากเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีถิ่นที่อยู่ทางภาษีอากรในประเทศซึ่งมีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บ ภาษีซ้อนกับประเทศไทย เจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อบทของ อนุสัญญาดังกล่าว หรือหากยังคงต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย อาจนำภาษีเงินได้ที่เสียใน ประเทศไทยไปเครดิตกับภาษีเงินได้ที่ต้องเสียในประเทศที่เจ้าหน้าที่มีถิ่นที่อยู่ได้ ตามข้อบทของอนุสัญญา ดังกล่าว |
เลขตู้ | : 62/28291 |