เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.88 |
วันที่ | : 10 มกราคม 2543 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขออนุมัติการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 88/6 |
ข้อหารือ | : สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ได้มีหนังสือ หารือสำนักงานสรรพากรภาค เพื่อหา แนวทางปฏิบัติการขออนุมัติการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีประเมินไม่ทันภายในกำหนดเวลา 2 ปี ตามมาตรา 88/6 (1) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร โดยแจ้งว่า ไม่สามารถประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทัน ภายในกำหนดสองปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีฯ และต้องขออนุมัติ ขยายเวลาการประเมินภาษีต่ออธิบดี ตามนัยมาตรา 88/6 วรรคท้าย ซึ่งกำหนดว่า กรณีมีเหตุอันควร เชื่อว่าผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า หรือผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษี แบบใบขนสินค้า หรือแบบนำส่งภาษีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่สมบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานประเมิน โดยอนุมัติอธิบดีประเมินภาษีได้ภายในกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่กำหนดเวลาตาม (1) (ก) (2) และ (3) แล้วแต่กรณี ในทางปฏิบัติ มีปัญหาว่าจะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีก่อน หรือหลังกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีฯ เรื่องนี้ได้มีแนววินิจฉัยของกรมสรรพากร ที่ กค 0802(กม)/977 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 วินิจฉัยว่าการขออนุมัติขยายเวลาการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ นั้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติโดยชัดแจ้งว่าให้เจ้าพนักงานประเมินต้องขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรเมื่อใด ภายในระยะเวลาห้าปีดังกล่าว เพื่อที่จะให้สามารถทำการประเมินได้ภายในกำหนดระยะเวลาข้างต้น ก็ตาม ควรจะตีความให้ถือเป็นทางปฏิบัติว่า ให้เจ้าพนักงานประเมินขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ภายในสองปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือวันยื่นใบขนสินค้าหรือวันพ้น กำหนดเวลานำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 88/6 (1) (ก) หรือมาตรา 88/6 (2) หรือมาตรา 88/6 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ตามลำดับแล้วแต่กรณี สำนักงานสรรพากรภาคเห็นว่า บทบัญญัติตามมาตรา 88/6 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ กำหนดให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้ภายในกำหนดเวลาสองปีนับแต่วันสุดท้าย แห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีฯ แต่หากจะประเมินภายหลังกำหนดเวลา 2 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี เจ้าพนักงานประเมินจะทำการประเมินได้โดยได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งไม่กำหนดว่าจะ ต้องขออนุมัติก่อนครบกำหนดเวลา 2 ปีแต่อย่างใด และได้มีคำพิพากษาฎีกา วินิจฉัยว่า หาก เจ้าพนักงานประเมินจะทำการประเมินภาษีภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่น แบบแสดงรายการภาษี กระทำได้โดยอนุมัติอธิบดีโดยไม่ต้องขออนุมัติขอประเมินภาษีต่ออธิบดีก่อนครบ กำหนดเวลา 2 ปี แนวคำวินิจฉัยของกรมสรรพากรแตกต่างจากแนวคำพิพากษาของศาลฎีกา จึงรายงาน กรมสรรพากรเพื่อพิจารณาสั่งการ และหากผลการพิจารณาเป็นประการใด ขอได้แจ้งให้สำนักงาน สรรพากรภาคทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป |
แนววินิจฉัย | : การขออนุมัติและการอนุมัติการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม มีสิทธิขออนุมัติและอนุมัติ การประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มภายหลังจากครบกำหนดเวลา 2 ปีได้ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่ง กำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีฯ |
เลขตู้ | : 63/28799 |