เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.250 |
วันที่ | : 17 มกราคม 2543 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้ประกอบกิจการตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 82/10, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 |
ข้อหารือ | : สรรพากรภาคได้หารือกรณีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของตัวแทน บริษัท ประกันชีวิตว่า สรรพากรเขตได้ตรวจสอบรายชื่อตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัทฯ จากแบบ ภ.ง.ด.1 ก. ประจำปี ภาษี 2541 กรณีมีรายได้จากค่าบำเหน็จประกันชีวิต ซึ่งเข้าข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 โดยให้จดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มที่พึงชำระก่อนวันที่ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของ กิจการขนาดย่อม ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 ใช้บังคับเนื่องจากคำว่าพึง ชำระ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 หมายความถึง ต้องชำระหรือมีหน้าที่ต้อง ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนที่พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ใช้บังคับ ฉะนั้น จึงดำเนินการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มใน ส่วนนี้ได้ สรรพากรภาคเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 กำหนดให้ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร มี ผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 และกำหนดให้กิจการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ค้างอยู่ หรือพึงชำระก่อน วันที่พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ใช้บังคับ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัทฯ มี รายได้ซึ่งเข้าข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 จึงเป็นความรับผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 ใช้บังคับ เพราะฉะนั้น หน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามนัยมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ยังคงมี อยู่ แต่การที่จะให้ไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ไม่น่าจะกระทำได้ ควรจะส่งข้อมูลให้งานตรวจสอบ เพื่อออกหมายเรียก หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ให้เจ้าพนักงานประเมิน เรียกเก็บภาษีต่อไป |
แนววินิจฉัย | : กรณีที่ผู้ประกอบการที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่ง ประมวลรัษฎากรก่อนวันที่ 1 เมษายน 2542 เข้าข่ายที่จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามความเห็นของ สรรพากรภาค นั้นถูกต้องแล้ว แต่ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ประกอบการตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตาม พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 นอกจากมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วยังต้องเสีย เงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ ตามมาตรา 89/1 แห่ง ประมวลรัษฎากร และเบี้ยปรับ 2 เท่าของตัวภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษีตลอดระยะเวลาที่ไม่ปฏิบัติ หรือ หนึ่งพันบาทต่อเดือนภาษี แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2542 ตามมาตรา 89 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งอาจลดหรืองดได้ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์ การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 22 มาตรา 26 มาตรา 67 ตรีมาตรา 89 และมาตรา 91/21 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2542 และค่าปรับอาญาตามมาตรา 90/2 (2) แห่งประมวลรัษฎากรอีกด้วย |
เลขตู้ | : 63/28813 |