เลขที่หนังสือ | : กค 0811/1084 |
วันที่ | : 14 กุมภาพันธ์ 2543 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยค้างรับ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528ฯ |
ข้อหารือ | : ธนาคาร ก. จะซื้อสินทรัพย์ดีจากบริษัทเงินทุน ข. ตามราคาบัญชีสุทธิ และเนื่องจากราคา ทรัพย์สินบางประเภท เช่น เงินกู้ยืม เงินลงทุนในตราสารหนี้ ที่ธนาคารฯ ซื้อมา เป็นราคาที่ได้รวม มูลค่าดอกเบี้ยค้างรับไว้แล้วธนาคารฯ จึงหารือว่า 1. กรณีบริษัทเงินทุนฯ บันทึกดอกเบี้ยค้างรับของลูกหนี้แต่ละรายเป็นรายได้ไว้ครบถ้วนแล้ว ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 เมื่อธนาคารฯ รับโอนลูกหนี้รายนั้น มา ธนาคารฯ ไม่ต้องรับรู้เป็นรายได้ของธนาคารฯ โดยตั้งเป็นดอกเบี้ยค้างรับอีก ธนาคารฯ เข้าใจ ถูกต้องหรือไม่ 2. หากบริษัทเงินทุนฯ บันทึกดอกเบี้ยค้างรับของลูกหนี้แต่ละรายเป็นรายได้ไม่ครบถ้วน ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ เมื่อธนาคารฯ รับโอนลูกหนี้รายนั้นมา ธนาคารฯ ต้องรับรู้ เป็นรายได้ของธนาคารฯ โดยตั้งเป็นดอกเบี้ยค้างรับต่อจากบริษัทเงินทุนฯ จนกว่าจะครบ ตาม คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ถูกต้องหรือไม่ 3. บริษัทเงินทุนฯ โอนขายสินทรัพย์ประเภทที่รวมมูลค่าดอกเบี้ยค้างรับของสินทรัพย์แต่ละ รายไว้ด้วย เนื่องจากบริษัทเงินทุนฯ ใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ดังนั้น เมื่อได้รับเงิน จากธนาคารฯ จะถือว่าบริษัทเงินทุนฯ ได้รับชำระดอกเบี้ยค้างรับดังกล่าว ซึ่งบริษัทเงินทุนฯ ต้องนำไป รวมคำนวณเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนภาษีที่ได้รับชำระราคามูลค่าสินทรัพย์ ถูกต้องหรือไม่ 4. ธนาคารฯ ใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อธนาคารฯ รับโอนสินทรัพย์ ประเภทที่รวมมูลค่าดอกเบี้ยค้างรับของสินทรัพย์แต่ละรายไว้ด้วย โดยมิได้บันทึกดอกเบี้ยค้างรับเป็น รายได้ตามข้อ 1. หากลูกหนี้นำเงินมาชำระเฉพาะค่าดอกเบี้ยค้างรับที่รับโอนมาจากบริษัทเงินทุนฯ ธนาคารฯ ไม่ต้องนำมาเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก เนื่องจากเป็นรายได้ของบริษัทเงินทุนฯ ซึ่งได้นำไปเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ถูกต้องหรือไม่ 5. กรณีที่ธนาคารฯ รับโอนสินทรัพย์ประเภทที่รวมมูลค่าดอกเบี้ยค้างรับของสินทรัพย์แต่ละ รายไว้ด้วยและได้บันทึกรับรู้เป็นรายได้ของธนาคารฯ โดยตั้งเป็นดอกเบี้ยค้างรับตามข้อ 2 หากลูกหนี้นำ เงินมาชำระค่าดอกเบี้ยค้างรับดังกล่าว ธนาคารฯ จะนำเฉพาะดอกเบี้ยค้างรับที่ธนาคารฯ รับรู้เป็น รายได้ของธนาคารฯ เท่านั้น มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนภาษีที่ได้รับชำระ ถูกต้อง หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.1 หากบริษัทเงินทุนฯ บันทึกดอกเบี้ยค้างรับของลูกหนี้ครบตามกำหนดแล้ว ต่อมา ลูกหนี้นั้นได้โอนมาเป็นลูกหนี้ของธนาคารฯ ธนาคารฯ ยังคงต้องบันทึกดอกเบี้ยที่ธนาคารฯ จะได้รับจาก ลูกหนี้เป็นรายได้จนกว่าลูกหนี้จะผิดนัดชำระติดต่อกันเป็นเวลาเกินสามเดือน ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ 1.2 หากบริษัทเงินทุนฯ ยังบันทึกดอกเบี้ยค้างรับของลูกหนี้ไม่เกินสามเดือนและได้โอน ลูกหนี้ดังกล่าวมาเป็นลูกหนี้ของธนาคารฯ ธนาคารฯ ยังคงต้องบันทึกดอกเบี้ยที่ธนาคารฯ จะได้รับจาก ลูกหนี้เป็นรายได้จนกว่าลูกหนี้จะผิดนัดชำระติดต่อกันเป็นเวลาเกินสามเดือน ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ 2.1 เนื่องจากบริษัทเงินทุนฯ ใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ดังนั้น เมื่อ ธนาคารฯ จ่ายเงินให้แก่บริษัทเงินทุนฯ เมื่อบริษัทฯ โอนทรัพย์สินให้ธนาคารฯ และทรัพย์สินนั้นได้คิดรวม มูลค่าดอกเบี้ยค้างรับไว้แล้ว บริษัทเงินทุนฯ ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากจำนวนดอกเบี้ยที่ได้รับ 2.2 เมื่อธนาคารฯ รับโอนสินทรัพย์ประเภทที่รวมมูลค่าดอกเบี้ยค้างรับจากบริษัทฯ แล้ว ดอกเบี้ยส่วนที่ถึงกำหนดชำระก่อนวันโอนสินทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนฯ ได้รับและนำไปเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะตามเกณฑ์เงินสดแล้วธนาคารฯ ไม่ต้องนำไปเสียภาษีธุรกิจเฉพาะซ้ำอีก |
เลขตู้ | : 63/28929 |