เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.4706 |
วันที่ | : 9 มิถุนายน 2543 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากการชำระภาษีด้วยเงินกู้โครงการความช่วยเหลือในการจัดการด้านเศรษฐกิจของธนาคารโลก |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 80/1(4), มาตรา 82/4, มาตรา 84 |
ข้อหารือ | : สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ ได้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยแจ้งว่า สำนักรัฐวิสากิจ และหลักทรัพย์ของรัฐ ได้จัดการประชุม APEC Finance Ministers Privatisation Forum ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2542 โดยมีการเบิกค่าใช้จ่ายจากเงินกู้โครงการ ความช่วยเหลือในการจัดการด้านเศรษฐกิจของธนาคารโลก เพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการซึ่งมีค่าใช้จ่าย บางรายการที่ผู้ขายสินค้าและผู้ให้บริการได้ทำการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสำนักรัฐวิสาหกิจและ หลักทรัพย์ของรัฐ จำนวนทั้งสิ้น 4,458.85 บาท แต่ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 28) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขายสินค้าหรือการ ให้บริการกับกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการเงินกู้ หรือเงิน ช่วยเหลือจากต่างประเทศ ตามมาตรา 80/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 0 ใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำนักฯ จึงขอให้กรมสรรพากรคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 4,458.85 บาท ที่ถูก ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการเรียกเก็บ |
แนววินิจฉัย | : กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้นหากปรากฏว่าคู่สัญญาได้มีการปฏิบัติครบถ้วนตามประกาศอธิบดีฯ (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2535 แล้ว ผู้ประกอบการต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีสิทธิ เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(4) และ มาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร แต่การที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการดังกล่าว ถือว่า เป็นการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ถูกต้อง ผู้ประกอบการจึงมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตาม มาตรา 84 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จากกรมสรรพากรได้ ดังนั้น สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ ชอบที่จะขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก ผู้ประกอบการที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเกินไปโดยตรง |
เลขตู้ | : 63/29435 |