เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ.ก.1181 |
วันที่ | : 3 ตุลาคม 2543 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการห้องรับรองพิเศษ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 66 วรรคสอง, มาตรา 82/6, มาตรา 82/3 |
ข้อหารือ | : ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งว่า บริษัทฯ ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแห่ง มลรัฐเดลาแวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประกอบกิจการรับขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ โดย มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย ได้หารือเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีบริษัทฯ ให้บริการห้องรับรองพิเศษ ซึ่งมีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้ 1. บริษัทฯ ได้เช่าสถานที่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพจากการท่าอากาศยาน แห่งประเทศไทย เพื่อจัดเป็นห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ โดยไม่คิดค่าบริการ เพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าโดยสารตามปกติ แต่เนื่องจากห้องรับรองพิเศษดังกล่าว สามารถรับผู้โดยสาร ได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงตกลงให้บริการแก่ ผู้โดยสารของ บริษัทสายการบินอื่นด้วย โดยจะคิดค่าบริการจากบริษัทสายการบินอื่นในอัตราที่ ตกลงกัน 2. เนื่องจากเดิมก่อนที่อนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีผลใช้บังคับ บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการขนส่งระหว่างประเทศจากยอดรายรับตามมาตรา 67 แห่ง ประมวลรัษฎากรและก่อนวันที่ 1 มกราคม 2542 กิจการขนส่งระหว่างประเทศได้รับ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ บริษัทฯ ได้ทำหนังสือหารือเกี่ยวกับภาระ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการให้บริการห้องรับรองพิเศษ ซึ่งต่อมากรมสรรพากรได้มี หนังสือที่ กค 0802/พ.8158 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2539 แจ้งให้บริษัทฯ ทราบว่า (ก) ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำรายได้จากการ ให้บริการดังกล่าว มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของ กำไรสุทธิตามมาตรา 66 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร และโดยที่บริษัทฯ มีปัญหาในการเฉลี่ย รายจ่ายระหว่างกิจการให้บริการห้องรับรองพิเศษและกิจการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากยอดรายรับ กรมสรรพากรจึงอนุมัติให้บริษัทฯ หักรายจ่ายเหมาสำหรับกิจการ ให้บริการห้องรับรองพิเศษได้ตามข้อ 5(1) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.13/2529 ฯ ลงวันที่ 7 เมษายน 2529 (ข) ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการ ให้บริการห้องรับรองพิเศษ ตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร และหากบริษัทฯ มีรายได้ของ กิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มน้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ของกิจการทั้งหมด บริษัทฯ มีสิทธิเลือกไม่ นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขาย แต่ให้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนทรัพย์สินหรือรายจ่าย ของกิจการได้ ตามข้อ 3(2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม 2535 และเนื่องจากบริษัทฯ ได้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในการคำนวณกำไรสุทธิ ตาม (ก) แล้ว บริษัทฯ จึงไม่ต้องนำภาษีซื้อดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิอีก 3. เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้จากกิจการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศตามข้อ 8 วรรคหนึ่ง แห่ง อนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นมา กิจการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยาน ได้รับสิทธิในการเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(3) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงได้หารือว่า ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น บริษัทฯ ยังคงมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเหมาตามข้อ 5(1) ของ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.13/2529 ฯ ต่อไป และในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จะมีสิทธิในการนำ ภาษีซื้อที่เกี่ยวกับกิจการให้บริการห้องรับรองพิเศษมาหักออกจากภาษีขายได้หรือไม่ นั้น |
แนววินิจฉัย | : 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจากเงินได้จากการให้บริการห้องรับรองพิเศษตามข้อเท็จจริงข้างต้นไม่เข้า ลักษณะเป็นเงินได้จากกิจการที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการขนส่ง ดังนั้น เงินได้ดังกล่าว จึงไม่ใช่ ส่วนหนึ่งของเงินได้จากการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หากแต่ถือเป็นกำไรจากธุรกิจฉะนั้น เมื่อ สาขาในประเทศไทยของบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการกับลูกค้า จึงถือเป็นการที่บริษัทฯ ให้บริการผ่าน สถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 วรรคสอง แห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และสาขาในประเทศไทย จึงต้องนำเงินได้ดังกล่าว มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 66 วรรคสอง แห่ง ประมวลรัษฎากร และข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาดังกล่าว สำหรับกรณีที่บริษัทฯ มีปัญหาในการเฉลี่ยรายจ่ายระหว่างกิจการขนส่งและกิจการ ให้บริการห้องรับรองพิเศษนั้น เนื่องจากกรมสรรพากรได้อนุมัติให้บริษัทฯ หักรายจ่ายเหมาตามข้อ 5(1) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.13/2529 ฯ แล้ว ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ต่อไป 2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2542 เป็นต้นมา กิจการขนส่งระหว่าง ประเทศโดยอากาศยานที่กระทำโดยผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล เป็นกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น จึงไม่ถือว่าบริษัทฯ ประกอบกิจการทั้งที่อยู่ในบังคับต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกต่อไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตาม มาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2535 และบริษัทฯ จึงมีสิทธินำภาษีที่เกี่ยวกับกิจการทั้งหมดไปหักจาก ภาษีขายได้ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 63/29869 |