เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/6941
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2543
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีจ่ายค่าเสียหายจากการค้ำประกัน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ตรี (12)
ข้อหารือ: ห้างฯ ได้ทำสัญญากับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ฯ โดยห้างฯ ตกลงเป็นตัวแทนของบริษัทฯ ในการ
หาลูกค้ามาเช่าซื้อรถยนต์และเป็นผู้จัดเก็บค่างวดให้กับบริษัทฯ และมีเงื่อนไขว่าห้างฯ จะเป็นผู้ค้ำประกัน
ร่วมในสัญญาเช่าซื้อทุกฉบับ ห้างฯ ได้รับผลตอบแทนเป็นค่านายหน้า ในกรณีที่ลูกค้าผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่
สามารถชำระค่างวด บริษัทฯ จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และนำรถยนต์ออกประมูลขาย ฟ้องเรียก
ค่าเสียหายจากลูกค้าผู้เช่าซื้อ ค่าเสียหายส่วนที่เหลือ ห้างฯ จะต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกันร่วม
ต่อมากระทรวงการคลังได้สั่งปิดกิจการของบริษัทฯ และตรวจสอบสถานะการเงิน โดยให้องค์การเพื่อ
การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) เป็นผู้ควบคุมดูแลดำเนินการทางทรัพย์สินและชำระบัญชี
เลิกกิจการ ห้างฯ ได้รับการติดต่อให้ชำระหนี้ในส่วนของค่าเสียหายที่ยังคงค้างอยู่ในบัญชีของบริษัทฯ
จำนวน 20 สัญญา เป็นจำนวนเงินมูลค่า 12,891,069.96 บาท ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมใน
สัญญาเช่าซื้อ เพื่อมิให้ถูกฟ้อง ห้างฯ จึงจำเป็นต้องชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้กับบริษัทฯ ภายใต้
การควบคุมดูแลของ ป.ร.ส. ในเดือนสิงหาคม 2542 ห้างฯ หารือว่าห้างฯ จะนำค่าเสียหายจากการ
ค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อดังกล่าว มาถือเป็นรายจ่ายในรอบบัญชีปี 2542 ทั้งจำนวนได้หรือไม่ และหากห้างฯ
ติดตามฟ้องร้องทางคดีให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ ห้างฯ ต้องนำมาถือเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่
ติดตามได้ ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: ค่าเสียหายจากการค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าว ถือเป็นผลเสียหายอัน เนื่องจาก
การประกอบกิจการที่ไม่มีหลักประกันห้างฯ ย่อมหักเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่มี รายจ่ายเกิดขึ้น
ได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร และหากมีการชำระหนี้นั้นใน
รอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชี
นั้นด้วย
เลขตู้: 63/29959

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020