เลขที่หนังสือ | : กค 0811/7267 |
วันที่ | : 1 ธันวาคม 2543 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการแยกธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยออกจากกัน |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 ทวิ (3), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 282) พ.ศ. 2538, ประกาศอธิบดีฯ เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)ฯ |
ข้อหารือ | : กรณีบริษัทจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการประกันภัยทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยพ.ศ.2535 กำหนดให้ บริษัทฯ จะต้องแยกธุรกิจทั้งสองออกจากกัน บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดขึ้นใหม่ในปี 2543 เพื่อรับโอนกิจการประกันวินาศภัยแยกออกไป (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่าบริษัทประกันวินาศภัย) ส่วนบริษัท ประกันภัยเดิมยังคงประกอบกิจการประกันชีวิตต่อไป (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า บริษัทประกันชีวิต) ก่อน การแยกธุรกิจบริษัทประกันภัยเดิมประกอบด้วยผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด (ถือหุ้น 20%) และ บุคคลธรรมดา (ถือหุ้นรวมกัน 80%) ซึ่งต่อมา (ปี 2543) เมื่อมีการแยกธุรกิจประกันชีวิตและ ประกันวินาศภัยออกจากกัน กิจการประกันวินาศภัยถูกแยกออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ คือ บริษัท ประกันวินาศภัย ซึ่งยังคงประกอบด้วยผู้ถือหุ้นชุดเดิมที่เป็นบริษัทจำกัด และบุคคลธรรมดา ตามอัตราส่วน เดิมที่ถือในบริษัทประกันภัยเดิม บริษัทฯ มีปัญหากฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวกับการแยกบริษัทประกันวินาศภัยออกไปจัดตั้งเป็น บริษัทใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 282) พ.ศ.2538 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)เรื่อง กำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ กรณีเงินได้จากการโอนทรัพย์สินเพื่อแยกบริษัทที่ได้ รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต และบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยออกจาก กัน ลงวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2538 จึงหารือเกี่ยวกับประเด็นปัญหาภาษีเงินได้ของผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็น บริษัทจำกัด และบุคคลธรรมดาดังกล่าวข้างต้น ที่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทประกันวินาศภัยที่แยกออกไป ตั้งขึ้นใหม่ ดังนี้ 1. กรณีผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทประกันภัยเดิมทั้งบริษัทจำกัดและบุคคลธรรมดาได้รับหุ้นสามัญใน บริษัทประกันวินาศภัยที่จัดตั้งใหม่ในอัตราส่วนที่เท่ากับอัตราส่วนเดิมในบริษัทประกันภัยเดิม (คือ 20% และ 80%) มูลค่าหุ้นสามัญที่จดทะเบียน (ราคาพาร์) ตามสัดส่วนเดิมของผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับในบริษัท ประกันวินาศภัยที่แยกไปตั้งใหม่ในปี 2543 (เท่ากับจำนวนกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรของกิจการ ประกันวินาศภัยของปีบัญชีก่อนปีบัญชีสุดท้าย (ปี 2541) ในบริษัทประกันภัยเดิมที่ยกมา) จะได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณี ตามข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)ฯ ดังกล่าว ถูกต้องหรือไม่ 2. มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาพาร์ตามอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับมาในบริษัท ประกันวินาศภัยที่ตั้งขึ้นใหม่ตาม 1. จะถือเป็นมูลค่าทรัพย์สินของผู้ถือหุ้นเดิม โดยจะถือเป็นราคาที่พึงซื้อ ทรัพย์สินนั้นตามปกติตามมาตรา 65 ทวิ (3) แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีผู้ถือหุ้นเดิมเป็นบริษัทจำกัด และถือเป็นมูลค่าเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นเดิมในกรณีผู้ถือหุ้นเดิมเป็นบุคคลธรรมดาถูกต้องหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. เมื่อผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทประกันภัยเดิมได้รับหุ้นสามัญในบริษัทประกันวินาศภัย ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในอัตราส่วนที่เท่ากับอัตราส่วนในบริษัทประกันภัยเดิม มูลค่าของหุ้นสามัญที่ผู้ถือหุ้นเดิมได้รับ ในบริษัทประกันวินาศภัยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ดังกล่าว จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วแต่กรณีตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 282) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)ฯ 2. กรณีตาม 2. มูลค่าของหุ้นสามัญที่ได้รับตาม 1. ให้ถือเป็นต้นทุนของทรัพย์สินหรือราคาที่ พึงซื้อทรัพย์สินนั้นได้ตามปกติตามมาตรา 65 ทวิ (3) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้ถือหุ้นเดิม ในกรณีที่ ผู้ถือหุ้นเดิมเป็นบริษัทจำกัด และถือเป็นต้นทุนหรือมูลค่าเงินลงทุนในหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นเดิม ในกรณีที่ ผู้ถือหุ้นเดิมเป็นบุคคลธรรมดา |
เลขตู้ | : 63/29982 |