เลขที่หนังสือ | : กค 0706/พ./7452 |
วันที่ | : 6 สิงหาคม 2547 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(8), มาตรา 77/1(11), มาตรา 77/1(12), มาตรา 77/1(18)(ค), มาตรา 77/2, มาตรา 78(1), มาตรา 82/3, มาตรา 82/4, มาตรา 83/6, มาตรา 86, มาตรา 86/4 |
ข้อหารือ | : ดำเนินธุรกิจแบบ Drop Ship และ Consignment ในระบบ Just In Time ดังต่อไปนี้ 1. ระบบ Drop Ship บริษัท A ในประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกได้รับการส่งเสริมการลงทุนบริษัท A สั่งซื้อ สินค้าในราคาสกุลเงินดอลล่าร์จากบริษัท B ซึ่งอยู่ต่างประเทศ บริษัท B มีบริษัท C ซึ่งอยู่ใน ประเทศไทยเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าโดยบริษัท B ได้มีคำสั่งให้บริษัท C เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้บริษัท A เมื่อ ถึงกำหนดส่งของบริษัท C จะออกแต่ใบส่งของเป็นสกุลเงินบาทให้บริษัท A 1.1 ระหว่างบริษัท A และบริษัท B เป็นการซื้อขายในราชอาณาจักรไทยหรือไม่ เมื่อ บริษัท A จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าให้บริษัท B บริษัท A ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัท B ใช่หรือไม่ และบริษัท A นำมาถือเป็นภาษีซื้อได้หรือไม่ หากบริษัท A ต้องออกภาษีมูลค่าเพิ่มให้บริษัท B โดยคำนวณ ตามระเบียบของกรมสรรพากร บริษัท A นำมาถือเป็นภาษีซื้อได้หรือไม่ 1.2 เมื่อบริษัท C ส่งของให้บริษัท A และเรียกเก็บเงินจากบริษัท B บริษัท C ต้อง เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ใด และบริษัท C สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่ 2. ระบบ Consignment บริษัท A อยู่ในประเทศไทยได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยเป็นผู้ผลิตและส่งออก และ เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัท A สั่งซื้อสินค้าจากบริษัท B หรือบริษัทอื่นซึ่งอยู่ใน ต่างประเทศ ซึ่งบริษัทในต่างประเทศจะต้องส่งวัตถุดิบมาเก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัท A ตามข้อตกลง ทางการค้า โดยจะมี Third Parties เป็นผู้ดูแล หรือบริษัท A เป็นผู้ดูแลเองและควบคุมการเบิกจ่าย วัตถุดิบดังกล่าว บริษัท A มีเงื่อนไขในการชำระเงินเมื่อบริษัท A ได้มีการเบิกวัตถุดิบนั้นจากคลังสินค้า ไปใช้ในกระบวนการผลิต โดยวัตถุดิบคงเหลือในคลังสินค้าดังกล่าว ยังคงถือเป็นของบริษัทต่างประเทศ ตามข้อตกลงทางการค้า โดย Third Parties หรือบริษัท A จะเป็นผู้รายงานวัตถุดิบคงเหลือ และ รายการเบิกจ่ายให้บริษัทในต่างประเทศทราบเป็นงวด ๆ ไป ทั้งนี้ บริษัท A ต้องเป็นผู้ดำเนินพิธีการ ศุลกากรขาเข้าตามสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ บริษัท A เป็นผู้นำเข้าโดยใช้สิทธิในการดำเนินพิธีการศุลกากร และนำวัตถุดิบไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าของบริษัท A วัตถุดิบดังกล่าวจะถือเป็นของบริษัท A หรือไม่ เนื่องจากมีเงื่อนไขว่าบริษัท A จะชำระเงินเมื่อมีการเบิกวัตถุดิบมาใช้ นอกจากนี้ หากบริษัทใน ราชอาณาจักรต้องการส่งวัตถุดิบเข้าไปเก็บไว้ในคลังสินค้าดังกล่าว ต้องมีภาระภาษีหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. ระบบ Drop Ship 1.1 กรณีบริษัท A ในประเทศไทยสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท B ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ แต่ บริษัท B มีบริษัท C ซึ่งอยู่ในประเทศไทยเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้า โดยบริษัท B ได้มีคำสั่งให้บริษัท C เป็น ผู้จัดส่งสินค้าให้บริษัท A การซื้อขายสินค้าระหว่างบริษัท A และบริษัท B เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้า ในราชอาณาจักร โดยผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าได้มีการส่งมอบสินค้าใน ราชอาณาจักร ดังนั้น เมื่อบริษัท A จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าให้บริษัท B บริษัท A มีหน้าที่ต้องนำส่งเงิน ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัท B มีหน้าที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 7.0 โดยบริษัท A ต้องนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังกล่าวด้วยแบบ ภ.พ.36 ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินตามมาตรา 83/6(1) แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัท A ได้นำส่งดังกล่าว บริษัท A ย่อมนำมาถือเป็นภาษีซื้อ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 77/1(18)(ค) และมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร 1.2 เมื่อบริษัท C ตกลงขายสินค้าและเรียกเก็บเงินจากบริษัท B ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้บริษัท A ซึ่งอยู่ในประเทศไทยตามคำสั่งซื้อของบริษัท B ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ เข้า ลักษณะเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักรตามมาตรา 77/1(8) และมาตรา 77/2 แห่ง ประมวลรัษฎากร บริษัท C ผู้ขายสินค้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ของมูลค่า สินค้าตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัท C ต้องจัดทำใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัท B ผู้ซื้อในต่างประเทศ เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 78(1) มาตรา 82/4 มาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร แห่ง ประมวลรัษฎากร 2. ระบบ Consignment กรณีบริษัท A อยู่ในประเทศไทยได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยเป็นผู้ผลิตและส่งออก ได้ สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทในต่างประเทศ โดยบริษัทในต่างประเทศจะต้องส่งวัตถุดิบมาเก็บไว้ในคลังสินค้า ของบริษัท A ตามข้อตกลงทางการค้า ซึ่งจะมี Third Parties หรือบริษัท A เป็นผู้ดูแลและควบคุม การเบิกจ่ายวัตถุดิบดังกล่าว เมื่อวัตถุดิบนั้นอยู่ในความครอบครองของบริษัท A ถือได้ว่า บริษัทต่างประเทศได้ขายวัตถุดิบดังกล่าวให้บริษัท A แล้วตามนิยามของคำว่า "ขาย" ตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัท A ได้ดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำวัตถุดิบนั้นเข้ามา ในราชอาณาจักร บริษัท A มีฐานะเป็นผู้นำเข้าตามมาตรา 77/1(11) และมาตรา 77/1(12) แห่ง ประมวลรัษฎากร และบริษัท A มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 87 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีบริษัทในราชอาณาจักรต้องการส่งวัตถุดิบเข้าไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัท A หาก ได้มีการจำหน่าย จ่าย โอนสินค้าดังกล่าวให้บริษัท A ย่อมถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทในราชอาณาจักรผู้ส่งวัตถุดิบดังกล่าวเข้าไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัท A มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร และส่งมอบใบกำกับภาษีให้บริษัท A เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตามมาตรา 78(1) มาตรา 82/4 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 67/33075 |