เลขที่หนังสือ | : กค 0706/พ./7496 |
วันที่ | : 9 สิงหาคม 2547 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการคำนวณเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 89, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542ฯ, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542ฯ |
ข้อหารือ | : กรณีสำนักงานสรรพากรพื้นที่พบว่า ห้างฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือน ภาษีเมษายน 2544 โดยมีประเด็นความผิดตามข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. ห้างฯ นำใบกำกับภาษีซื้อมาลงรายการในรายงานภาษีซื้อซ้ำ 2 ครั้ง ทำให้แสดงภาษีซื้อ ไว้เกิน จำนวน 89,244.09 บาท 2. ห้างฯ นำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้เป็นเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 84,061.90 บาท |
แนววินิจฉัย | : การคำนวณเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มให้พิจารณาดังนี้ 1. เจ้าพนักงานประเมินต้องคำนวณเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มทุกกรณี ตามฐาน ความผิดต่าง ๆ ตามมาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร และตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ กรณีการกระทำ ความผิดใดที่อยู่ในฐานความผิดเดียวกันจะกำหนดให้เรียกเก็บเบี้ยปรับเพียงกรณีเดียวซึ่งเป็นกรณีที่จะ ทำให้เรียกเก็บได้เงินเป็นจำนวนมากกว่า เช่น ฐานความผิดเกี่ยวกับการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีทั้งกรณีแสดงภาษีซื้อไว้เกินไปและภาษีที่เสียคลาดเคลื่อน ก็ให้เรียกเก็บเบี้ยปรับเพียงกรณีเดียวตาม ข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.81/2542 ฯ กรณีคำนวณเบี้ยปรับตามมาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ปรากฏว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษี มีความรับผิดจะต้องเสียเบี้ยปรับหลายกรณี เช่น ความรับผิดเกี่ยวกับการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้อง และความรับผิดเกี่ยวกับการนำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เจ้าพนักงานประเมิน จะต้องคำนวณเบี้ยปรับทุกกรณี แต่ก็มีอำนาจพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับให้ได้ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องตาม ข้อ 23 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.81/2542 ฯ 2. กรณีคำนวณเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร และ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ แล้ว เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจพิจารณางดหรือลด เบี้ยปรับ ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 ฯ ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เกี่ยวกับการงดหรือลดเบี้ยปรับตามฐานความผิดต่าง ๆ และในกรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องเสียเบี้ยปรับ หลายกรณี ก็กำหนดให้เจ้าพนักงานประเมินสั่งเรียกเก็บเบี้ยปรับได้เพียงกรณีเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่จะทำให้ เรียกเก็บได้เงินเป็นจำนวนมาก และอาจพิจารณาสั่งลดได้อีกตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนด ทั้งนี้ ตามข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 ฯ 3. กรณีตามข้อเท็จจริงจึงต้องคำนวณเบี้ยปรับตามฐานความผิดตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 81/2542 ฯ ก่อน และเรียกเก็บเบี้ยปรับซึ่งอาจพิจารณาลดให้ได้อีกตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 81/2542 ฯ ดังนี้ กรณีตรวจพบว่ายื่นแบบ ภ.พ.30 เดือนภาษีเมษายน 2544 ผิดพลาดดังนี้ (1) แสดงภาษีซื้อเกินไป จำนวน 89,244.09 บาท (2) นำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้เป็นเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 84,061.90 บาท การคำนวณเบี้ยปรับตามฐานความผิด 1. กรณีนำใบกำกับภาษีซื้อมาลงรายการในรายงานภาษีซื้อซ้ำกัน 2 ครั้ง เป็นการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดอันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีซื้อในเดือนภาษีที่แสดงไว้คลาดเคลื่อนไป ต้องเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินไป จำนวน 89,244.09 บาท ตามมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 3(8) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ และการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดดังกล่าว หากเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษี คลาดเคลื่อนไป ต้องเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของเงินภาษีที่เสียคลาดเคลื่อน เป็นเงิน 89,244.09 บาท ตามมาตรา 89(3) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 4 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ ซึ่ง กรณีดังกล่าวให้เรียกเก็บเบี้ยปรับเพียงกรณีเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่จะทำให้เรียกเก็บได้เงินเป็นจำนวน มากกว่า จึงเรียกเก็บเบี้ยปรับเพียง 89,244.09 บาท ทั้งนี้ ตามข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 81/2542 ฯ 2. กรณีนำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดอันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีซื้อในเดือนภาษีที่แสดงไว้คลาดเคลื่อนไป ต้องเสีย เบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินไป จำนวน 84,061.90 บาท ตามมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 3(8) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ และการยื่นแบบ ภ.พ.30 ไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดดังกล่าว หากเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษี คลาดเคลื่อนไป ต้องเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของเงินภาษีที่เสียคลาดเคลื่อน เป็นเงิน 84,061.90 บาท ตามมาตรา 89(3) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 4 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.81/2542 ฯ ซึ่ง กรณีดังกล่าวให้เรียกเก็บเบี้ยปรับเพียงกรณีเดียวซึ่งเป็นกรณีที่จะทำให้เรียกเก็บได้เงินเป็นจำนวน มากกว่า จึงเรียกเก็บเบี้ยปรับเพียง 84,061.90 บาท ตามข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 81/2542 ฯ และต้องเสียเบี้ยปรับสองเท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีด้วย เป็นเงิน 168,123.80 บาท ตามมาตรา 89(7) แห่งประมวลรัษฎากร การเรียกเก็บเบี้ยปรับตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 ฯ เบี้ยปรับที่จะต้องเรียกเก็บ 2 กรณี คือ 1. เบี้ยปรับตามมาตรา 89(3) และมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากรรวมจำนวน 173,305.99 บาท (89,244.09 + 84,061.90 บาท) 2. เบี้ยปรับตามมาตรา 89(7) แห่งประมวลรัษฎากร จำนวน 168,123.80 บาท ให้ เรียกเก็บเบี้ยปรับได้เพียงกรณีเดียวซึ่งเป็นกรณีที่จะทำให้เรียกเก็บได้เงินเป็นจำนวนมากกว่า คือ 173,305.99 บาท ส่วนกรณีอื่นให้งด ตามข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 ฯ และ เบี้ยปรับที่เรียกเก็บเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา 89(3) และมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจพิจารณาสั่งลดได้อีกตามข้อ 5 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.81/2542 ฯ |
เลขตู้ | : 67/33080 |