เลขที่หนังสือ | : กค 0706/7181 |
วันที่ | : 28 กรกฎาคม 2847 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีรายได้จากเงินลงทุนของโครงการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 มาตรา 91/2(3) มาตรา 91/5(3) |
ข้อหารือ | : บริษัท ก. ในฐานะผู้บริหารโครงการ และบริษัทและบริษัท ร่วมกันจัดทำโครงการประกันภัย อุบัติเหตุเอื้ออาทรตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้เอาประกันภัยที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หรือตกเป็นผู้ทุพพลภาพถาวร โดยมีการทำสัญญาการเข้าร่วมรับประกันภัยโครงการประกันภัยอุบัติเหตุ ระหว่าง ง และผู้บริหารโครงการ โดยกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่าง ๆ ของคู่สัญญาไว้ ซึ่งผู้บริหารโครงการมีหน้าที่รวบรวมและกระจายเงินเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ รวมทั้งหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการบริหารโครงการกำหนด ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการที่ ก จะได้รับตามข้อตกลงในสัญญาดังกล่าว ง จะเป็นผู้กำหนด ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ มีมติให้นำเงินทุนหมุนเวียนภายใต้โครงการเบี้ยประกันภัยที่กรมและ นำส่งไปลงทุนในชื่อของ ก และจะ กระจายรายได้จากการลงทุนให้บริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ บันทึกรับรู้เป็นรายได้ตามสัดส่วนของ แต่ละบริษัท โดยการลงทุนดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การลงทุนประกอบ ธุรกิจอื่น ซึ่งผู้บริหารโครงการได้นำไปลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินแบบเผื่อเรียก และประเภทกำหนดอายุ 1-3 เดือน และเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์เท่านั้น ผู้บริหารโครงการจึงหารือว่า จะต้องปฏิบัติ อย่างไรเกี่ยวกับภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับเงินได้จากการนำเงิน เบี้ยประกันภัยไปลงทุนในชื่อของ ก นั้น |
แนววินิจฉัย | : กรณีบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารโครงการ และบริษัท รับประกันภัยในโครงการฯ ได้ร่วมกันทำสัญญาการเข้าร่วมรับประกันภัยโครงการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้อ อาทร ในสัญญาดังกล่าวได้กำหนดหน้าที่ของผู้บริหารโครงการไว้ โดยสัญญาดังกล่าวได้ระบุให้ผู้บริหาร โครงการมีหน้าที่ต้องกระทำตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนดด้วย และคณะกรรมการบริหารโครงการ ประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร ได้จัดประชุมครั้งที่ 1/2546 ที่ประชุมมีมติให้ผู้บริหารโครงการมีหน้าที่ต้อง นำเงินในโครงการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทรไปลงทุนในชื่อของผู้บริหารโครงการ และต้องนำรายได้ที่ เกิดจากการลงทุนมากระจายให้แก่บริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ ผู้บริหารโครงการจึงอยู่ในฐานะเป็น คู่สัญญาของบริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ ที่จะต้องนำเงินในโครงการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทรไป ลงทุนในชื่อของตนเองเพื่อหารายได้ที่เกิดจากการลงทุน โดยต้องนำรายได้ดังกล่าวมากระจายให้บริษัท รับประกันภัยในโครงการฯ เงินได้ที่เกิดจากเงินลงทุนดังกล่าวมีภาระภาษีดังนี้ 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีผู้บริหารโครงการได้รับเงินได้ที่เกิดจากการนำเงินเบี้ยประกันภัยในโครงการไป ลงทุนในชื่อของผู้บริหารโครงการ ซึ่งได้รับเงินได้ดังกล่าวในชื่อของผู้บริหารโครงการ และเงินได้ ดังกล่าวถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528 ผู้บริหารโครงการต้องนำเงินได้ที่เกิดจากการลงทุนก่อนการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไปรวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลของผู้บริหารโครงการ ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร โดยนำภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย มาเป็นเครดิตในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ผู้บริหารโครงการได้ เมื่อผู้บริหารโครงการแจ้งข้อมูลและนำส่งเงินได้ที่เกิดจากการลงทุนกระจายให้กับบริษัท รับประกันภัยในโครงการฯ เพื่อปฏิบัติตามสัญญา ผู้บริหารโครงการไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และ มีสิทธินำเงินที่จ่ายให้บริษัทรับประกันภัยในโครงการดังกล่าวมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากรได้ ส่วนบริษัทผู้รับประกันภัยในโครงการฯ ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีผู้บริหารโครงการมีรายรับที่เกิดจากการนำเงินเบี้ยประกันภัยในโครงการไปลงทุนใน ชื่อของผู้บริหารโครงการ ซึ่งได้รับรายรับดังกล่าวในชื่อของผู้บริหารโครงการ ผู้บริหารโครงการมีหน้าที่ ต้องนำรายรับดังกล่าวที่เป็นฐานภาษีซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะซึ่งได้แก่ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หรือ ค่าบริการมารวมคำนวณเป็นฐานภาษีเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(3) และมาตรา 91/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อผู้บริหารโครงการแจ้งข้อมูลและนำส่งรายรับซึ่งเป็นเงินได้ที่ เกิดจากการลงทุนกระจายให้กับบริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ เพื่อปฏิบัติตามสัญญา จึงไม่ใช่ฐานภาษีที่ บริษัทรับประกันภัยในโครงการฯ ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 67/33068 |