เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0706/5599
วันที่: 14 มิถุนายน 2547
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่พนักงานได้รับเนื่องจากไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 42 (1)
ข้อหารือ: ตามหนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่า บริษัทฯ เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ประกอบกิจการ
เกี่ยวกับการให้บริการหลังการขาย โดยให้บริการติดตั้งเครื่องผลิตซีดีและดีวีดี และให้คำแนะนำวิธีการ
ใช้งานให้แก่ลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศ บริษัทฯ จึงต้องส่งพนักงานไปปฏิบัติงานดังกล่าวในต่างประเทศ
โดยพนักงานจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายรายวันตามอัตราที่บริษัทฯ กำหนด ซึ่งมีหลายอัตราขึ้นอยู่กับ
ประเทศที่พนักงานไปปฏิบัติงาน บริษัทฯ เข้าใจว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่พนักงานได้รับดังกล่าว ได้รับ
ยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเป็น เงินได้ของพนักงานหากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 42(1)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบริษัทฯ จะไม่นำค่าเบี้ยเลี้ยง
ดังกล่าวมารวมคำนวณเป็น เงินได้ของพนักงาน หากค่าเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายให้แก่พนักงานไม่เกินอัตรา
ค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ แต่หากค่าเบี้ยเลี้ยงที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่
พนักงานเกินกว่าอัตราที่ทางราชการกำหนด บริษัทฯ จะนำเฉพาะส่วนที่เกินมารวมเป็นเงินได้ของ
พนักงาน บริษัทฯ จึงหารือว่า ความเข้าใจดังกล่าวของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: เงินค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่พนักงานได้รับเนื่องจากเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ใน
ต่างประเทศเป็นครั้งคราวนั้น จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้อง
เป็นกรณีที่พนักงานได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและ
ได้จ่ายไปทั้งหมดเพื่อการนั้น และหากพนักงานได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่
ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป
ราชการในประเทศหรือต่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่า
ค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งผู้มีเงินได้ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เฉพาะใน
การปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น จึงไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์
และได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42(1) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่าย ให้แก่
ข้าราชการ และไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้อง
ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง
ซึ่งผู้มีเงินได้ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราสูงสุดนั้น ดังนั้น บริษัทฯ
จึงต้องนำค่าเบี้ยเลี้ยงที่เกินอัตราดังกล่าวมารวมเป็นเงินได้ของผู้มีเงินได้เพื่อหัก ภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 67/32983


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020