เลขที่หนังสือ | : กค 0706/1516 |
วันที่ | : 13 กุมภาพันธ์ 2547 |
เรื่อง | : อากรแสตมป์ กรณีการขอยกเว้นอากรแสตมป์กรณีสัญญาจ้างที่ปรึกษาชาวต่างประเทศด้วยเงินกู้ธนาคารโลก |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 103, มาตรา 104 |
ข้อหารือ | : สำนักงานฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ประยุกต์ใน สถาบันการศึกษาฯ โดยใช้เงินกู้ธนาคารโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 - 2544 โดยได้ว่าจ้างที่ปรึกษาชาว ต่างประเทศมาช่วยดำเนินงานรวม 3 คน การจ้างต้องดำเนินการตามระเบียบและได้รับความเห็นชอบ จากธนาคารโลก ต่อมาเดือนกันยายน พ.ศ. 2544 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบ รายงานการเบิกจ่ายเงินของโครงการฯ และได้ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบการตรวจสอบว่า สัญญาจ้างทั้ง 3 ฉบับควรปิดอากรแสตมป์ในอัตรา 1,000 บาทละ 1 บาท ตามประมวลรัษฎากร ซึ่ง ผู้รับจ้างคือที่ปรึกษาชาวต่างประเทศทั้ง 3 คน จะต้องเป็นผู้ปิดอากรแสตมป์ดังกล่าว แต่เนื่องจาก สัญญาจ้างทั้ง 3 ฉบับ ได้สิ้นสุดระยะเวลาการจ้างก่อนที่ สตง. จะให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ และ ที่ปรึกษาชาวต่างประเทศได้เดินทางกลับประเทศของตนแล้ว สำนักงานฯ ได้พยายามติดต่อที่ปรึกษาชาว ต่างประเทศทั้ง 3 คน ให้ส่งเงินค่าอากรแสตมป์พร้อมเงินเพิ่มอากรแสตมป์ แต่ไม่ได้รับคำตอบและเงิน ค่าอากรแสตมป์จากที่ปรึกษาชาวต่างประเทศคนใดเลย สำนักงานฯ เห็นว่า การจ้างที่ปรึกษาชาวต่างประเทศทั้ง 3 คน โดยใช้เงินกู้ธนาคารโลก เป็นค่าจ้างโดยไม่ได้ปิดอากรแสตมป์สัญญาจ้างตามที่ สตง. ทักท้วง เป็นการปฏิบัติบกพร่องโดยสุจริตที่มุ่ง ผลสัมฤทธิ์และความสำเร็จของโครงการฯ เป็นสำคัญ มิได้มีเจตนาให้ราชการเสียประโยชน์ สำนักงานฯ จึงขอให้กรมสรรพากรพิจารณายกเว้นค่าอากรแสตมป์ เป็นเงิน 7,435.61 บาท เป็นกรณีพิเศษ |
แนววินิจฉัย | : 1. สัญญาจ้างชาวต่างประเทศตามโครงการฯ ซึ่งสถาบันการศึกษาเป็นผู้ว่าจ้าง รวม 3 ฉบับ สัญญาแต่ละฉบับมีสินจ้างเกิน 200,000 บาท สัญญาดังกล่าวลงวันที่ 1 กันยายน 2542 จำนวน 1 ฉบับ และลงวันที่ 1 มีนาคม 2543 จำนวน 2 ฉบับ สัญญาทั้ง 3 ฉบับ เป็นสัญญาจ้างทำของซึ่งเป็นตราสารที่ ต้องเสียอากรตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร ตามลักษณะแห่งตราสาร 4. แห่ง บัญชีอัตราอากรแสตมป์ กำหนดให้ผู้รับจ้างเป็นผู้ที่ต้องเสียอากรในอัตรา 1 บาท ทุกจำนวน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้ และผู้รับจ้างต้องเสียอากรเป็นตัวเงินตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2538 2. เมื่อสัญญาจ้างทำของทั้ง 3 ฉบับ ตาม 1. มิได้เสียอากรเป็นตัวเงินตามที่กฎหมายกำหนด จึงถือว่าตราสารดังกล่าวมิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ตามมาตรา 103 และมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้รับจ้างต้องถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มอากรตามมาตรา 113 แห่งประมวลรัษฎากร แต่เนื่องจากผู้รับจ้างซึ่ง เป็นผู้มีหน้าที่เสียอากรเป็นชาวต่างประเทศได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว ดังนั้น หากพนักงาน เจ้าหน้าที่จัดการเรียกเก็บอากรและเงินเพิ่มอากรจากผู้รับจ้างไม่ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเรียกเก็บ จากผู้ว่าจ้าง ซึ่งเป็นผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสารนั้น ตามมาตรา 115 แห่ง ประมวลรัษฎากร 3. กรณีบุคคลใดมีหน้าที่ต้องรับผิดเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ไม่มีกฎหมายใดให้ อำนาจกรมสรรพากรพิจารณายกเว้นให้ได้ ดังนั้น สถาบันการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอา ประโยชน์แห่งตราสารนั้น จะต้องยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรและเงินเพิ่มอากร ตามมาตรา 113 แห่งประมวลรัษฎากร และจะต้องถูกเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มอากรแทนผู้มีหน้าที่ เสียอากรตามมาตรา 115 แห่งประมวลรัษฎากร แต่เนื่องจากสถาบันการศึกษาเป็นส่วนราชการตาม พระราชบัญญัติสถาบันการศึกษา พ.ศ. 2538 และเป็นความผิดพลาดโดยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระ อากร จึงอนุมัติให้เสียเงินเพิ่มอากรร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินอากร โดยเริ่มนับแต่ วันที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ทั้งนี้ ตามข้อ 3 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 129 (พ.ศ. 2512) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยอากรแสตมป์และอากรมหรสพ |
เลขตู้ | : 67/32833 |