เลขที่หนังสือ | : กค 0706/1474 |
วันที่ | : 12 กุมภาพันธ์ 2547 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขายเรือเก่าเพื่อซื้อเรือใหม่ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 ตรี (12) |
ข้อหารือ | : บริษัท ส. ประกอบกิจการประเภทบริการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้ จดทะเบียนขอรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ. 2540 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2542 บริษัทฯ ให้บริการขนส่ง สินค้าทางทะเลระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเลของบริษัทฯ ชื่อ เรือ ส. ซึ่งเป็นเรือสัญชาติไทยที่ จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมพาณิชย์นาวี เนื่องจากเรือ ส. ได้ประสบอุบัติเหตุจมลงที่ ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2546 โดยจมอยู่ในทะเลลึก บริษัทฯ ไม่ได้กู้เรือดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการขอรับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจาก บริษัทประกันภัยที่เป็นนิติบุคคลในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อเรือลำใหม่เพื่อมา ทดแทน โดยเรือลำใหม่ที่จะซื้อจะมีอายุการใช้งานน้อยกว่าและมีระวางบรรทุกมากกว่าเรือลำที่จมพร้อม กับทำการจดทะเบียนเป็นเรือไทย แต่เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท ประกันภัย บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อเรือลำใหม่ และเมื่อบริษัทฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยก็จะนำไปชำระคืนเงินกู้ดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กิจการของบริษัทฯ สะดุดหยุดลง บริษัทฯ จึงขอทราบว่า 1. เงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับจากบริษัทประกันภัย จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตาม พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 299) พ.ศ. 2539 หรือไม่ และหากจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับมีจำนวนสูงกว่าราคา เรือลำใหม่ที่ซื้อมา ผลต่างระหว่างเงินค่าสินไหมทดแทนและราคาจากการซื้อเรือลำใหม่ บริษัทฯ ต้องถือ เป็นเงินได้เพื่อรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่ 2. หากเงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับ เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตาม พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 299) พ.ศ. 2539 บริษัทฯ ต้องซื้อเรือลำใหม่ภายในเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ เรือจมหรือนับแต่วันที่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทฯ ประกันภัย 3. การแจ้งการขายเรือเก่าและซื้อเรือใหม่เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน 30 วันนั้น จะนับจากวันที่ถือว่าขายเรือลำเก่าหรือวันที่ซื้อเรือลำใหม่พร้อมจดทะเบียนเป็นเรือไทย |
แนววินิจฉัย | : 1. ตามข้อเท็จจริง เรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัย เนื่องจากเรือ ประสบอุบัติเหตุจมลง อันเป็นเหตุให้บริษัทฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย โดยที่บริษัทฯ ไม่ได้ขายซากเรือดังกล่าวให้กับบริษัทประกันภัยเนื่องจากไม่ได้กู้เรือดังกล่าวขึ้นมาจากทะเล เงิน ค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทฯ ได้รับไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 299) พ.ศ. 2539 แต่ประการใด 2. กรณีเรือ ส. ของบริษัทฯ ประสบอุบัติเหตุจมลงในทะเล ถือได้ว่าเป็นผลเสียหายอันอาจ ได้รับกลับคืนเนื่องจากการประกันภัย ดังนั้น เมื่อทรัพย์สินได้รับความเสียหายและกำลังรอการชดใช้จาก บริษัทประกันภัย หากได้สิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีไป บริษัทฯ จะตัดผลเสียหายดังกล่าวเป็นรายจ่ายทันที ไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จะต้องรอจนกว่าจะได้รับ ค่าสินไหมที่ได้รับชดใช้จากบริษัทประกันภัยเสียก่อน ถ้าผลเสียหายมากกว่าค่าชดใช้ ผลต่างถือเป็น ผลเสียหายที่มีสิทธิหักเป็นรายจ่ายได้ แต่ถ้าค่าชดใช้สูงกว่าค่าเสียหาย ผลต่างถือเป็นรายได้ จึงต้องนำ มารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย |
เลขตู้ | : 67/32827 |