เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ./7446 |
วันที่ | : 1 สิงหาคม 2546 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการนำสินค้าออกไปแสดงและขายที่งานแสดงสินค้าในต่างประเทศ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(8)(ค)(14), มาตรา 80/1(1), มาตรา 82/3 |
ข้อหารือ | : กรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการผลิตและส่งออกอัญมณี ในปี พ.ศ. 2542 บริษัทฯได้ส่งอัญมณีและ เครื่องประดับออกไปแสดงและขายในงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ โดยในการส่งออกสินค้า บริษัทฯ ได้จัดทำใบกำกับสินค้า (Invoice) ซึ่งระบุชื่อบริษัทฯ เป็นผู้ส่งออก และใบขนสินค้าขาออก ซึ่งระบุชื่อ บริษัทฯ เป็นผู้รับสินค้า โดยไม่มีการเปิด L/C (Letter of Credit) ซึ่งเมื่อสินค้าไปถึงงานแสดง สินค้า บริษัทฯ จะทำการโชว์สินค้าและขายให้กับลูกค้าต่างประเทศภายในงานแสดงสินค้า ซึ่งบริษัทฯ จะ ให้ส่วนลดแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในงานในอัตราร้อยละ 20-60 จากราคาขาย ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นลูกค้าประจำ และเมื่องานแสดงสินค้าสิ้นสุดลง บริษัทฯ จะนำสินค้าที่ขายไม่ได้กลับเข้ามาใน ประเทศไทย โดยได้จัดทำใบสุทธิสำหรับนำสินค้ากลับเข้ามาในประเทศไทย (ใบสุทธินำกลับ) เพื่อให้ บริษัทฯ ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ หารือว่า 1. การส่งสินค้าออกไปขายที่งานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ถือเป็นการส่งออกตามมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่ง ประมวลรัษฎากร หรือไม่ และหากต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ความรับผิดในการเสีย ภาษีเกิดขึ้นเมื่อใด 2. เนื่องจากการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงรายงานภาษีขายและยื่น แบบ ภ.พ. 30 โดยใช้ราคา F.O.B. เป็นฐานภาษี ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ เข้าใจว่า เมื่อบริษัทฯ นำสินค้าที่ขายไม่ได้กลับเข้ามาในประเทศไทย บริษัทฯ ไม่ต้องออก ใบลดหนี้ และไม่ต้องลงรายงานภาษีขายเพื่อลดยอดขายในรายงานภาษีขายของบริษัทฯ ความเข้าใจของ บริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ 3. ในการรับรู้รายได้ บริษัทฯ เข้าใจว่า บริษัทฯ ต้องใช้ราคาตามใบกำกับสินค้า (Invoice) ที่ออกให้กับลูกค้าเป็นเกณฑ์ในการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ ไม่ใช่ราคา F.O.B. หรือ C.I.F.ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีบริษัทฯ ส่งสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปแสดงและขาย ณ งานแสดงสินค้าใน ต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินพิธีการศุลกากรและยื่นใบขนสินค้าขาออกในนามของบริษัทฯ ถือเป็น การขายโดยการส่งออก ตามมาตรา 77/1(8)(ค) และมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่ง บริษัทฯ จะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ถูกเรียกเก็บเนื่องจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการเพื่อใช้ในการ ประกอบกิจการของตน ย่อมเป็นภาษีซื้อของบริษัทฯ ตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากรได้ แต่ภาษีซื้อ ดังกล่าวต้องไม่เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีบริษัทฯ นำอัญมณีและเครื่องประดับที่ขายไม่ได้กลับเข้ามาในราชอาณาจักร โดยบริษัทฯ ได้จัดทำใบสุทธิสำหรับนำสินค้ากลับเข้ามาเพื่อให้บริษัทฯ ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าและ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากสินค้าที่นำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรเข้าลักษณะเป็นสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร จึงได้รับ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(2)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องลง รายการในรายงานภาษีซื้อ ตามมาตรา 87(2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่มีหน้าที่ต้องลง รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ตามมาตรา 87(3) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 9 ของประกาศ อธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 89) เรื่อง กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดทำรายงาน การลงรายการในรายงาน การเก็บใบกำกับภาษี และเอกสาร หลักฐานอื่นที่ใช้ประกอบการลงรายงานภาษีซื้อ ตามมาตรา 87 และมาตรา 87/3 วรรคสอง แห่ง ประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2542 และเนื่องจากสินค้าที่บริษัทฯ นำกลับเข้ามาใน ราชอาณาจักรเป็นสินค้าที่บริษัทฯ ขายไม่ได้ในงานแสดงสินค้า จึงไม่ใช่เหตุการณ์อันเป็นเหตุให้ภาษีขายที่ คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนลดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ตามมาตรา 82/10 แห่ง ประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่ต้องออกใบลดหนี้ ตามมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด 3. กรณีการรับรู้รายได้เพื่อคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ส่งออกสินค้า เพื่อนำไปแสดงและขายในต่างประเทศโดยในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ได้ระบุชื่อบริษัทฯ เป็น ผู้ส่งออกและเป็นผู้รับสินค้าในต่างประเทศเพื่อนำสินค้าไปจัดแสดงและขายให้แก่ผู้เข้าชมสินค้าในงาน แสดงสินค้า สำหรับสินค้าส่วนที่ขายไม่ได้บริษัทฯ จะนำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีการจัดทำใบสุทธิ นำกลับซึ่งแสดงถึงรายละเอียดของประเภท ชนิด จำนวน ปริมาณ น้ำหนัก และมูลค่าของสินค้าที่นำกลับ เข้ามา ดังนั้น ในการรับรู้รายได้ บริษัทฯ จึงต้องนำยอดขายของสินค้าที่ได้ขายให้กับลูกค้าใน ต่างประเทศ ตามความเป็นจริง โดยใช้ราคาตามใบกำกับสินค้า (INVOICE) ที่บริษัทฯ ออกให้กับลูกค้า ในต่างประเทศมารวมคำนวณเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 66/32615 |