เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0706/2404
วันที่: 12 มีนาคม 2546
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามสัญญาแลกเปลี่ยน (Swap)
ข้อกฎหมาย: คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.114/2545 ฯ
ข้อหารือ: สมาคมธนาคารต่างชาติได้ขอหารือเรื่องการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามสัญญาแลกเปลี่ยน
(Swap) ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.114/2545 เรื่อง การจ่ายเงินตามสัญญาแลกเปลี่ยนอัตรา
ดอกเบี้ย (Interest rate swap) และสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Cross currency
swap) ลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2545 ในประเด็นดังต่อไปนี้
1. กรณีบริษัท ก. กู้ยืมเงินจากกิจการวิเทศธนกิจของธนาคาร ข. ในประเทศไทย และ
บริษัท ก. ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยกับกิจการธนาคารพาณิชย์ของ
ธนาคารเดียวกัน กรณีนี้จะถือว่าคู่สัญญาผู้รับทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นผู้ให้กู้ยืมเงินด้วยหรือไม่
2. เงินผลต่างที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเข้า
ลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ตามข้อ 4 ของ
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.114/2545 ฯ ลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2545 ครอบคลุมถึงเฉพาะกรณีที่
ธนาคารทำสัญญาให้กู้ยืมพร้อมกับทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับผู้กู้ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ โดยพิจารณาจาก
เจตนารมณ์ของคู่สัญญาที่จะตกลงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจากเงินสกุลที่ให้กู้ยืมเป็นอัตราดอกเบี้ยของ
เงินสกุลที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยน และเป็นผลทำให้ผู้กู้ต้องชำระหนี้เงินกู้ยืมให้แก่เจ้าหนี้เสมือนเป็นการกู้ยืม
เงินสกุลที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยน ดังนั้น หากเงื่อนเวลาของการทำสัญญาแลกเปลี่ยนไม่ตรงกับการทำสัญญา
ให้กู้ยืม กรณีนี้ไม่ถือว่าคู่สัญญาผู้รับทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นผู้ให้กู้ยืมตามข้อ 4 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ป.114/2545 ฯ ลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2545 ถูกต้องหรือไม่
3. ธนาคาร A สำนักงานสาขาในประเทศไทยของธนาคารต่างชาติจดทะเบียนในประเทศที่มี
อนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทยกับธนาคาร A สาขาสิงคโปร์และธนาคาร B สาขาประเทศไทย ได้ร่วม
ให้กู้ยืมเงิน (Syndicated loan) แก่บริษัท ก. ในประเทศไทยเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อธนาคาร (รวมจำนวนเงินให้กู้ยืมทั้งสิ้น 30 ล้านเหรียญสหรัฐ) บริษัท ก. ได้ทำสัญญา
แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยกับธนาคาร A สาขาในประเทศไทยทั้งจำนวน กรณีนี้
จะถือว่าเงินผลต่างที่เกิดขึ้นจากสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยเฉพาะจำนวน
Notional Amount เท่ากับเงินให้กู้ยืมที่ธนาคาร A สาขาในประเทศไทยให้กู้ยืม เป็น
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร และถือว่าเงินผลต่างที่เกิดขึ้นจากสัญญา
แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยจำนวน Notional Amount เท่ากับเงินให้กู้ยืมที่
ธนาคาร A สาขาสิงคโปร์ และธนาคาร B สาขาประเทศไทยให้กู้ยืมเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา
40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ถูกต้องหรือไม่ หากว่าสำนักงานใหญ่ของธนาคาร A มิได้จดทะเบียนใน
ประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย ผลทางภาษีข้างต้นจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย: 1. กรณีบริษัท ก. กู้ยืมเงินจากกิจการวิเทศธนกิจของธนาคาร ข. และบริษัท ก. ได้ทำ
สัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยกับกิจการธนาคารพาณิชย์ของธนาคารเดียวกัน
เป็นกรณีคู่สัญญาผู้รับทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นผู้ให้กู้ยืมเงินด้วย
2. การทำสัญญาแลกเปลี่ยนซึ่งคู่สัญญาผู้รับทำสัญญาแลกเปลี่ยนเป็นผู้ให้กู้ยืมเงินด้วยตามข้อ 4
ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.114/2545 ฯ ลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2545 หมายถึง คู่สัญญาซึ่ง
เข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนจะต้องมีการทำสัญญากู้ยืมเงินระหว่างกันด้วย โดยคู่สัญญาผู้รับทำสัญญาแลกเปลี่ยน
ต้องเป็นบุคคลเดียวกับผู้ให้กู้ยืมเงิน และเป็นการทำสัญญาแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความ
ผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนหรืออัตราดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ยืมเงินนั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าคู่สัญญาจะทำ
สัญญากู้ยืมเงินและสัญญาแลกเปลี่ยนในวันเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
3. กรณีธนาคาร A เป็นธนาคารต่างชาติจดทะเบียนในประเทศที่มีอนุสัญญาเพื่อการเว้น
การเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย โดยธนาคาร A สาขาประเทศไทย ธนาคาร A สาขาประเทศสิงคโปร์
และธนาคาร B สาขาประเทศไทย ได้ให้กู้ยืมเงินในลักษณะเงินให้กู้ร่วม (Syndicated Loan) แก่
บริษัท ก. ในประเทศไทยเป็นจำนวนเงินธนาคารละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมจำนวนเงินให้กู้ยืมทั้งสิ้น
30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัท ก. ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยกับ
ธนาคาร A สาขาประเทศไทยทั้งจำนวน เนื่องจากธนาคาร A สาขาประเทศไทยและธนาคาร A สาขา
ประเทศสิงคโปร์เป็นนิติบุคคลเดียวกัน ดังนั้น เงินผลต่างที่เกิดจากสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
และอัตราดอกเบี้ยเฉพาะส่วนจำนวนเงินต้นอ้างอิง (Notional Amount) ที่ให้กู้ยืม 20 ล้านเหรียญ
สหรัฐของธนาคาร A สาขาประเทศไทยและธนาคาร A สาขาประเทศสิงคโปร์ เป็นเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 66/32302

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020