เลขที่หนังสือ | : กค 0706/1187 |
วันที่ | : 4 กุมภาพันธ์ 2546 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการรับโอนลูกหนี้เงินกู้ยืม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65, มาตรา 91/8 |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ได้รับโอนลูกหนี้จากบริษัทที่ประมูลหนี้จาก ปรส. ด้วยราคาที่ต่ำกว่ามูลหนี้ต้นเงิน เพื่อที่จะติดตามเรียกเก็บจากลูกหนี้ บริษัทฯ ได้รับทราบว่า กรมสรรพากรได้อนุมัติให้บริษัทที่รับโอนลูกหนี้ จากสถาบันการเงิน 56 แห่ง โดยการประมูลหนี้จาก ปรส. ใช้เกณฑ์เงินสด ในการคำนวณ ภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามหนังสือที่ กค 0811/9072 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2541 จึงขออนุมัติและขอหารือวิธีปฏิบัติในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะ ดังนี้ กรณีที่ 1 บริษัทฯ รับโอนลูกหนี้ 1 ราย บริษัทฯ บันทึกราคาทุนที่บริษัทฯ ได้จ่ายไป จำนวน 60 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่าย) เป็นมูลค่าของลูกหนี้ ต่อมาอีก 1 ปี บริษัทฯ สามารถเรียกเก็บหนี้จาก ลูกหนี้ได้ในคราวเดียวโดยลูกหนี้ตกลงชำระหนี้ จำนวน 70 บาท จากราคาตามมูลหนี้ต้นเงินที่ลูกหนี้ ค้างชำระ 100 บาท ดอกเบี้ยคงค้าง ณ วันที่รับโอน จำนวน 50 บาท บริษัทฯ ใช้เกณฑ์เงินสดใน การคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะจากยอดเฉลี่ยเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นยอดดอกเบี้ยที่ต้องนำไปเสียธุรกิจ เฉพาะ 20 บาท และเป็นการชำระเงินต้น 40 บาท ผลต่างระหว่างราคาที่ได้รับชำระหนี้กับราคาทุนที่ รับโอนลูกหนี้ จำนวน 10 บาท เป็นกำไรจากการรับโอนลูกหนี้ ซึ่งบริษัทนำไปเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมกับดอกเบี้ยรับจำนวน 20 บาท โดยใช้เกณฑ์เงินสดในรอบปีบัญชีที่บริษัทได้รับชำระ ตามหนังสือที่ กค 0811/9072 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2541 กรณีที่ 2 บริษัทฯ รับโอนลูกหนี้ 5 รายรวมกัน จากต้นเงินรวม 200 บาท ดอกเบี้ยค้างชำระ คำนวณสิ้นสุด ณ วันที่โอนเป็นจำนวน 150 บาท โดยที่บริษัทฯ ได้จ่ายเงินสำหรับการซื้อหนี้เป็นจำนวน รวมกัน 130 บาท หกเดือนหลังจากที่รับโอนมาบริษัทฯ สามารถติดตามเรียกเก็บหนี้ได้ 1 ราย เป็นเงิน 50 บาท โดยลูกหนี้ตกลงชำระเงินในคราวเดียว ข้อเท็จจริงปรากฏว่าลูกหนี้รายนี้มีเงินต้นคงค้าง จำนวน 80 บาท ดอกเบี้ยค้าง ณ วันที่รับโอนมาจำนวน 30 บาท บริษัทฯ บันทึกบัญชีลูกหนี้ที่รับโอน มาด้วยราคาทุนตามสัดส่วนของมูลหนี้ (เงินต้นรวมดอกเบี้ย ณ วันโอน) เทียบกับจำนวนเงินที่จ่ายไปโดย ไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าของหลักประกัน บริษัทฯ คำนวณรายได้เฉพาะส่วนของลูกหนี้รายที่เรียกเก็บหนี้ได้ตาม กรณีที่ 1 กรณีที่ 3 สืบเนื่องจากกรณีที่ 2 แทนที่บริษัทฯ จะได้รับชำระในคราวเดียว ปรากฏว่า ลูกหนี้ ตกลงที่จะผ่อนชำระโดยผ่อนชำระเป็นรายงวดจากต้นเงิน 50 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี จากต้น เงิน 50 บาท โดยผ่อนชำระงวดละ 10 บาทพร้อมดอกเบี้ยต่างหาก โดยเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ตกลง กัน บริษัทฯ ใช้เกณฑ์เงินสดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากยอดดอกเบี้ยที่ได้รับร้อยละ 6 ต่อปีสำหรับ ยอดต้นเงินที่ได้รับเป็นรายงวด งวดละ 10 บาท บริษัทฯ ได้แบ่งตามสัดส่วนเช่นเดียวกับกรณีที่ 1 คำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะจากส่วนที่เป็นสัดส่วนของดอกเบี้ย สำหรับผลต่างของเงินที่ได้รับชำระกับราคาที่ รับโอนมาเป็นกำไรจากการรับโอนหนี้ นำไปเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีบัญชีที่ได้ กำไรโดยถือเกณฑ์เงินสดเช่นเดียวกับกรณีที่ 1 กรณีที่ 4 สำหรับลูกหนี้ที่บริษัทฯ ได้รับโอนหนี้มาไม่ว่าจะรับโอนครั้งละรายหรือรับโอนครั้งละ หลายราย หากบริษัทฯ ไม่สามารถที่จะติดตามหนี้ได้ และมีผู้ที่จะขอรับโอนหนี้ไปติดตามหนี้ต่อ กรณีเช่นนี้ ราคาที่บริษัทฯ จะได้รับย่อมต่ำกว่าราคาที่บริษัทฯ ได้จ่ายไป ถ้าราคาที่รับโอนมารวมลูกหนี้หลายรายแล้ว รวมกันได้ 30 บาท ราคาที่รับโอน (เงินต้นรวมดอกเบี้ย) 50 บาท บริษัทฯ ต้องนำเงินจำนวน 30 บาท มาเฉลี่ยตามส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนที่เป็นดอกเบี้ย ณ วันที่บริษัทฯ ได้รับชำระสำหรับผลต่างระหว่างจำนวนเงินที่ได้รับกับราคารับโอนเป็นผลขาดทุนจากการรับโอนลูกหนี้นำ ไปเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบปีบัญชีที่ได้โอนขายลูกหนี้ ทั้ง 4 กรณีข้างต้น บริษัทฯ ใช้ปฏิบัติได้หรือไม่นั้น |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีที่บริษัทฯ เป็นผู้รับโอนลูกหนี้ตามสัญญาเงินกู้อีกทอดหนึ่งจากผู้ประมูลหนี้จาก ปรส. บริษัทฯ จะต้องนำส่วนต่างระหว่างราคามูลหนี้ (ยอดลูกหนี้คงค้าง) กับราคาซื้อหนี้สุทธิมาเสียภาษี ดังนี้ (1) ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ จะต้องนำส่วนต่างระหว่างราคามูลหนี้ (ยอดลูกหนี้คงค้าง) กับราคาซื้อหนี้ สุทธิมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้ ทยอยรับรู้เป็นรายได้ตามสัดส่วนของหนี้ที่ได้รับชำระในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี (2) ภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจากส่วนต่างที่ได้รับส่วนหนึ่งเป็นดอกเบี้ยค้างชำระที่ยังมิได้มีการชำระ ภาษีธุรกิจเฉพาะ บริษัทฯ จะต้องนำดอกเบี้ยค้างชำระตามสัดส่วนที่ได้รับชำระจากลูกหนี้แต่ละรายถือเป็น รายรับดอกเบี้ยที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในแต่ละเดือนภาษีตามมาตรา 91/8 แห่งประมวลรัษฎากร 2. ในการคำนวณรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและคำนวณรายรับเพื่อเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตาม 1. กรมสรรพากรอนุมัติให้บริษัทฯ ผู้รับโอนใช้เกณฑ์เงินสดในการคำนวณ กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับส่วนต่างระหว่างราคามูลหนี้ (ยอดลูกหนี้คงค้าง) กับราคา ซื้อหนี้สุทธิจากการรับโอนสิทธิตามสัญญาเงินกู้ได้ตามมาตรา 65 วรรคสามแห่งประมวลรัษฎากร และ อนุมัติให้เปลี่ยนวิธีการบัญชีในการคำนวณรายรับเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากเกณฑ์สิทธิเป็นเกณฑ์เงินสด ได้ ตามมาตรา 91/8 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 66/32240 |