เลขที่หนังสือ | : กค 0706/864 |
วันที่ | : 24 มกราคม 2546 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ เป็นนิติบุคคลตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ประกอบกิจการด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นใน บริษัทอื่น ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ได้จัดหาแหล่งเงินทุนโดย บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 2 แห่ง โดยได้จดจำนำหุ้นของบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง และจัดให้นิติบุคคลจำนวนสองรายเข้าเป็นผู้ค้ำประกัน และบริษัทฯ ได้ชำระเงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่งดังกล่าวตามปกติ จนกระทั่งเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจในปี 2540 ทำให้ บริษัทฯ ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย จึงหยุดการชำระหนี้ ต่อมาบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่งดังกล่าวถูกปิดกิจการ และองค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้เข้าควบคุมดูแล ในปี 2542 ปรส. ได้นำสินเชื่อทางธุรกิจ สัญญากู้และสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ของบริษัทเงินทุน และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ ออกประมูลขายสำหรับภาระหนี้ของบริษัทฯ ที่มีอยู่ต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 2 แห่งได้มีกองทุนรวมประมูลซื้อ ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ประเภทกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงิน จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อและรับโอนสินทรัพย์ของบริษัทเงินทุน และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ ในกลางปี 2543 กองทุนรวมดังกล่าว ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทฯ ชำระหนี้ และบอกกล่าว บังคับจำนำหุ้นที่วางเป็นประกันไว้ ได้มีการเจรจาประนอมหนี้ แต่ตกลงกันไม่ได้ กองทุนรวมดังกล่าวได้ ยื่นฟ้องบริษัทฯ เป็นคดีล้มละลาย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543 โดยยื่นฟ้องบริษัทฯ เป็นจำเลยที่ 2 ร่วมกับนิติบุคคลอื่นอีกสองรายซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากนั้นบริษัทฯ ก็ยังเจรจาประนอมหนี้กับกองทุนรวม ตลอดมา และเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2544 กองทุนรวมได้ตกลงประนอมหนี้กับบริษัทฯ สำเร็จ มี สาระสำคัญว่า บริษัทฯ จะชำระหนี้ให้แก่กองทุนรวมโดยการตีโอนหุ้นหลักประกันซึ่งเป็นหุ้นของ บริษัทจดทะเบียนที่บริษัทฯ ได้จดจำนำไว้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่งที่ในปัจจุบันกองทุนรวมเป็น ผู้รับโอนสิทธิในหลักประกันดังกล่าวให้แก่กองทุนรวมทั้งหมดภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2544 ซึ่งหากบริษัทฯ ปฏิบัติได้ตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวภายในกำหนดเวลากองทุนรวมตกลงปลดภาระหนี้ที่เหลืออยู่ให้แก่ บริษัทฯ ทั้งหมด (บริษัทฯ จะได้รับการปลดหนี้จากกองทุนรวมคิดเป็นร้อยละ 83.18 ของยอดเงินต้น ค้างชำระ อีกทั้งยังได้รับการปลดยอดดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดอีกด้วย) ซึ่งบริษัทฯ ต้องบันทึก จำนวนเงินที่ได้รับการปลดหนี้ดังกล่าวเป็นรายรับในทางบัญชีทั้งจำนวน หลังจากได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว กองทุนรวมในฐานะโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอ ถอนฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2544 และศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง บริษัทฯ จึงขอหารือว่า รายรับที่ได้จากการปลดหนี้ตามข้อตกลงการประนอมหนี้กับกองทุนรวม ดังกล่าวข้างต้น จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 340) พ.ศ. 2541 หรือ พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : กรณีดังกล่าวบริษัทฯ ต้องนำจำนวนเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้จากกองทุนรวมมารวมคำนวณ เป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ดังกล่าวไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายแต่อย่างใด |
เลขตู้ | : 66/32220 |