เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0706/519
วันที่: 17 มกราคม 2546
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการขอคืนเงินภาษี
ข้อกฎหมาย: มาตรา 27 ตรี
ข้อหารือ: 1. มีเงินได้จากการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เนื่องจากการผิดสัญญา จะซื้อจะขาย
อสังหาริมทรัพย์เมื่อปี 2536 โดยมิได้นำเงินได้ดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการเจ้าพนักงานประเมินจึง
ประเมินให้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวต่อ
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ได้นำเงินได้
ดังกล่าวไปยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในนามของคณะบุคคลพร้อมกับได้ชำระ
ภาษี ต่อมาได้ฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งในชั้นพิจารณาของศาลได้ขอให้นำเงินจำนวนที่ชำระในนามคณะบุคคลมา
หักกลบกับภาษีที่ต้องเสียตามที่เจ้าพนักงานประเมิน ซึ่งได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุดให้เสียภาษีตามการ
ประเมินของเจ้าพนักงานและไม่ให้นำเงินภาษีที่เสียในนามคณะบุคคลมาหักกลบลบหนี้กัน
แต่เนื่องจากได้นำเงินได้จำนวนเดียวกันนั้นไปยื่นแบบแสดงรายการเสีย
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในนามของคณะบุคคลด้วย ซึ่งเห็นว่ามีสิทธิที่จะขอคืนเงินได้พร้อมดอกเบี้ย โดย
ถือว่าเป็นกรณีลาภมิควรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และไม่อยู่ในบังคับต้องขอคืนภาษีตามที่
กำหนดไว้ในมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
2. ระหว่างปี พ.ศ. 2536 ได้แบ่งเงินที่ได้รับจากสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวให้
แก่บุตร ซึ่งบุตรทุกคนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและได้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้แล้ว เห็นว่าบุตร
ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังกล่าว จึงได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีไว้ระหว่างวันที่ 1, 2, 8
และ 20 สิงหาคม 2544 ซึ่งสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานครได้มีหนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากร
(ค.30) เนื่องจากได้ยื่นคำร้องขอคืนเกินกว่า 3 ปี นับแต่ยื่นรายการ
แนววินิจฉัย: การขอคืนภาษีอากรกรณีได้ยื่นรายการเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรา
27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ขอคืนภาษีอากรไม่ว่าจะเป็นกรณีเสียภาษีไว้เป็นจำนวนเงิน
เกินกว่าที่ควรต้องเสีย หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้
ยื่นรายการภาษี การขอคืนภาษีจึงต้องปฏิบัติตามนัยมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรดังกล่าว ซึ่งเป็น
กฎหมายที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ มิใช่เป็นกรณีการชำระหนี้ทั่วไปที่จะใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ใน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเรื่องว่าด้วยลาภมิควรได้ การขอคืนภาษีอากรจึงต้องขอคืนภายใน
สามปีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น
1. กรณีคณะบุคคลได้ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2544 และสำนักงาน
สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 7 ได้อนุมัติคืนเงินภาษีตามหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีอากร (ค.20) ลงวันที่
10 กันยายน 2544 ซึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกินสามเดือนนับแต่วันยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากร การที่
สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานครไม่สั่งให้ดอกเบี้ยด้วย จึงเป็นการถูกต้องตามที่กำหนดไว้ใน
กฎกระทรวง ฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการให้ดอกเบี้ยแก่
ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากร
2. กรณีของบุตรได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเกินกว่า 3 ปี นับแต่ยื่นรายการ จึงเป็นการยื่นคำร้อง
ขอคืนเกินกว่าระยะเวลาที่จะขอคืนภาษีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 66/32195


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020