เลขที่หนังสือ | : กค 0706/9497 |
วันที่ | : 28 ตุลาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ใช้ในเกษตรกรรม |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534, มาตรา 91/2(6) |
ข้อหารือ | : นาง ก. อยู่จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับโอนที่ดินจากบิดาโดยการยกให้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2536 และต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2539 ได้ทำบันทึกตกลงยอมให้ บริษัท ผลิตภัณฑ์และค้าวัสดุ ก่อสร้าง จำกัด ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 1,500,000 บาท เจ้าพนักงานฯ เห็นว่า การที่ นาง ก. ยินยอมให้บริษัทฯ มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงดังกล่าว ถือ เป็นการขายและเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ นั้น จึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์อันเข้าลักษณะที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 มาตรา 3(6) แห่งประมวลรัษฎากร และได้ประเมินเรียกเก็บ ภาษีธุรกิจเฉพาะพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมเป็นเงิน 175,972 บาท นาง ก. ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543 โดยชี้แจงในคำอุทธรณ์ว่า ที่ดินที่ตนขายไปนั้นได้ใช้ทำนามาตลอด เมื่อขายไปจึงเป็นการขายที่ดินที่ใช้ใน การเกษตรกรรม ย่อมได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 3(5) ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 แห่งประมวลรัษฎากร สำนักงานสรรพากรภาคได้พิจารณาอุทธรณ์ของ นาง ก. แล้ว เห็นว่า การขายที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้นั้นใช้ในการเกษตรกรรม ไม่เข้า ลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด แต่การขายที่ดินที่ไม่เข้าลักษณะตาม (1)(2)(3)(4) หรือ (5) ของมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ถ้าได้มีการกระทำภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ได้มาต้องอยู่ ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย จึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 3(6) ด้วย คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดโดยเสียงข้างมากเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีมติ ให้เสนอปัญหาต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยให้ความเห็นต่อไป ต่อมาคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) ได้พิจารณาข้อหารือแล้วมีความเห็นว่า หาก ข้อเท็จจริงปรากฏว่า หลังจาก นาง ก. ได้รับที่ดินมาจากบิดาแล้วได้ใช้ทำนามาโดยตลอดจนถึงวันขาย ให้แก่บริษัทฯ เพื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงดังกล่าว กรณีย่อมเข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้ขายมีไว้เพื่อประกอบกิจการประเภทที่ดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม ซึ่งไม่ถือว่าเป็น การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร |
แนววินิจฉัย | : คณะรัฐมนตรีได้มีมติคณะรัฐมนตรีว่า กรณีกระทรวง ทบวง กรม ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย และเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในทางกฎหมายเป็น ประการใดแล้ว โดยปกติให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น ดังนั้น กรณีตาม ข้อเท็จจริงข้างต้น ให้ถือปฏิบัติตามแนวความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา |
เลขตู้ | : 65/32009 |