เลขที่หนังสือ | : กค 0706(กม.06)/พ./09 |
วันที่ | : 14 ตุลาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีขายสินค้าในเขตอุตสาหกรรมส่งออก การจัดทำเอกสารและขอคืนภาษีซื้อ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(14)(ก) |
ข้อหารือ | : บริษัท ร. ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์พลาสติกที่ใช้กับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์หรือ เคลือบด้วยพลาสติก โดยกิจการบางส่วนตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเวลโกว์ และเขตนิคมอุตสาหกรรม แปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามลำดับ ได้ผลิตส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ด้วยพลาสติกให้กับ บมจ. D ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน สำหรับการผลิตจอภาพ (Monitor) ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู อันเป็นเขตอุตสาหกรรมส่งออก โดยในระยะแรก บมจ. D ได้จัดหาวัตถุดิบให้แก่ บริษัทฯ เพื่อทำการผลิต และบริษัทฯ ได้ ออกใบกำกับภาษีเป็นรายได้จากการรับจ้าง และ บมจ. D ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ต่อมา บมจ. D ได้มอบหมายให้บริษัทฯ เป็นผู้จัดซื้อวัตถุดิบ ได้แก่ เม็ดพลาสติกและวัสดุอื่นๆ เพื่อ ใช้ในการผลิตส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2544 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ จัดทำเอกสารการจำหน่ายสินค้าให้กับ บมจ. D ได้แก่ ใบขนสินค้าขาออก (กศก.101/1) ใบ Packing List และ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร แทนใบ Invoice โดย ระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 0 บริษัทฯ หารือว่า 1. การจำหน่ายสินค้าที่ผลิตให้กับ บมจ. D โดยบริษัทฯ ดำเนินพิธีการทางศุลกากร ยื่น ใบขนสินค้าขาออกและมีการตรวจปล่อยสินค้าในเขตอุตสาหกรรมส่งออกจะถือว่าบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตส่งออก และได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 77/1(14)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ 2. บริษัทฯ จะขอคืนภาษีซื้อจากการซื้อวัตถุดิบ ได้แก่ เม็ดพลาสติกและวัสดุอื่นๆ เพื่อใช้ผลิต สินค้าให้กับ บมจ. D ได้ทั้งจำนวนหรือไม่ 3. หากการจัดทำเอกสารการส่งออกของบริษัทฯ ถูกต้อง และเป็นกรณีบริษัทฯ มีสิทธิได้รับ ภาษีซื้อ บริษัทฯ จะได้รับคืนภาษีที่ขอคืนด้วยแบบ ภ.พ.30 เป็นระยะเวลานานเท่าใด |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนจำหน่ายสินค้าให้กับ บมจ. D ซึ่งอยู่ในเขต ปลอดอากร โดยบริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินพิธีการทางศุลกากร ถือเป็นการส่งออกตามมาตรา 77/1(14)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่ง ประมวลรัษฎากร และเนื่องจากเขตปลอดอากร ไม่ใช่เรื่องนำสินค้าออกนอกประเทศอย่างแท้จริง ยังคง เป็นเขตแดนในประเทศ บริษัทฯ ต้องจัดทำใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่ง ประมวลรัษฎากร และระบุอัตราภาษีร้อยละ 0 ทั้งนี้ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.97/2543 เรื่อง การส่งออกสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตาม มาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.109/2545 ฯ ลงวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2545 2. กรณีบริษัทฯ ซื้อเม็ดพลาสติกและวัสดุอื่นๆ เพื่อใช้ผลิตสินค้าให้กับ บมจ. D ได้ถูก ผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็น ภาษีซื้อของบริษัทฯ ตามมาตรา 77/1(18) แห่งประมวลรัษฎากร ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตาม มาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร หากภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ ให้ผู้ประกอบการชำระภาษีเท่ากับส่วน ต่างนั้น หากภาษีซื้อมากกว่าขาย ให้เป็นเครดิตภาษีและให้บริษัทฯ มีสิทธิได้รับคืนภาษีหรือนำไป ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 84 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ภาษีซื้อดังกล่าวต้องไม่เข้าลักษณะเป็น ภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร 3. กรมสรรพากรได้มีหนังสือลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 เรื่อง แนวทางการปฏิบัติงานตาม ระบบปฏิบัติงานใหม่ เพื่อกำกับดูแลผู้เสียภาษีโดยใกล้ชิดเป็นรายผู้ประกอบการและให้เป็นปัจจุบัน โดยได้ กำหนดแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรว่าด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสด ระบบงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งกำหนดขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับงานกรรมวิธีและงานคืนภาษี การดำเนินการตรวจ ฯลฯ โดยมี กำหนดระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนไว้ อย่างไรก็ดี กรมสรรพากรได้มีคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. 272/2541 เรื่อง การพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดกรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์คัดเลือกราย เพื่อตรวจสอบหรือกรณีประเด็นที่ขอคืนชัดแจ้งลงวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2541 ได้กำหนดให้ผู้มีอำนาจ ประเมินสั่งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ขอคืนไปก่อนโดยวางหลักประกันอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1. จัดให้มีธนาคารค้ำประกันภายในวงเงินที่ขอรับคืนไปก่อน โดยสัญญาค้ำประกันต้องมี ข้อความอย่างน้อยตามแบบแนบคำสั่ง 2. จัดให้มีหลักทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินมีโฉนดจำนองเป็นประกันซึ่งผู้ขอคืน ภาษีจะต้องมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด 3. จัดให้มีพันธบัตรของรัฐบาลไทยหรือขององค์การรัฐบาล จำนำเป็นประกัน 4. จัดให้มีการประกันโดยบัญชีเงินฝากธนาคารของสมาคมผู้ส่งออกหรือของสมาคมกลุ่ม ผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งมีเงินฝากไม่น้อยกว่าวงเงินขอคืนของสมาชิกเงินฝากธนาคารดังกล่าว ต้องมี เงื่อนไขเบิกถอนไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่อธิบดีกรมสรรพากร มอบหมาย โดยมีการลงชื่อร่วมกับเจ้าพนักงานซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพากรในการเบิกถอน 5. ผู้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มประสงค์จะจัดให้มีหลักประกันอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรเห็นสมควร ซึ่งการวางหลักประกันเพื่อขอคืนเงิน ผู้มีอำนาจประเมินสั่งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ขอคืน ดังนี้ (1) กรณีเป็นสัญญาค้ำประกันของธนาคาร ให้สั่งคืนไปก่อนโดยไม่เกินวงเงินตามสัญญา ค้ำประกันของธนาคาร โดยไม่ชักช้าภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงิน หรือภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือยืนยันจากธนาคารผู้ค้ำประกัน (2) กรณีเป็นหลักทรัพย์อื่น ให้สั่งคืนไปก่อนโดยไม่เกินวงเงินตามมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ได้ รับอนุมัติให้วางประกัน โดยไม่ชักช้าภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงิน หรือภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บันทึกการส่งมอบหลักทรัพย์ กรณีบริษัทฯ ได้รับการจัดระดับเป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดีบริษัทฯ จะได้รับคืน ภาษีมูลค่าเพิ่มภายในระยะเวลาดังนี้ (ก) ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครือข่าย อินเตอร์เน็ต จะได้รับการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้สิทธิดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่เดือนภาษีที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติให้ เป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดี (ข) ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สำนักงาน สรรพากรเขต หรือสำนักงานสรรพากรอำเภอ จะได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 60 วันนับแต่วันที่ยื่น แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้สิทธิดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่เดือนภาษีที่อธิบดี กรมสรรพากรอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดีทั้งนี้ ตามข้อ 7 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. 58/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดระดับผู้ประกอบการส่งออกที่ดี ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.246/2544 ฯ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 |
เลขตู้ | : 65/31992 |