เลขที่หนังสือ | : กค 0811/5493 |
วันที่ | : 21 มิถุนายน 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีเงินได้จากการจำหน่ายตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 40(4)(ก), มาตรา 40(8), มาตรา 50(2)(ค) |
ข้อหารือ | : 1. บริษัท ก. ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) ราคาหน้าตั๋ว 100 บาท โดยขาย ให้ธนาคารในราคา 90 บาท เนื่องจากธนาคารต้องการนำตั๋วแลกเงินนี้ไปขายต่อให้ได้ราคา ธนาคาร จึงต้องอาวัลตั๋วและขายต่อในตลาดรอง เมื่อถึงวันครบกำหนด บริษัท ง. ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วคนสุดท้าย สามารถนำมาขึ้นเงินกับธนาคารหรือบริษัท ก. ก็ได้ แต่เพื่อความสะดวกกับลูกค้าในการขึ้นเงิน ธนาคาร จะนำเงินที่เรียกเก็บจากบริษัท ก. มาจ่ายให้บริษัท ง. ธนาคารเข้าใจว่า บริษัท ก. เป็นผู้มีหน้าที่หัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้กับบริษัท ง. ใช่หรือไม่ 2. บริษัท ก. ซื้อสินค้าจากบริษัท ข. ในราคา 100 บาท บริษัท ข. ให้เครดิตทางการค้า 4 เดือน เนื่องจากบริษัท ข. เจ้าหนี้ต้องการได้เงินก่อนจึงให้บริษัท ก. ออกตั๋วแลกเงินให้ในราคา เท่ากับมูลหนี้คือ 100 บาท เพื่อให้ตั๋วแลกเงินสามารถขายในตลาดได้บริษัท ข. จึงนำตั๋วแลกเงินนี้ให้ ธนาคารอาวัล เมื่อธนาคารอาวัลแล้วบริษัท ข. จะนำตั๋วแลกเงินนี้ไปขายลดในตลาดได้ในราคา 95 บาท สมาคมฯ เข้าใจว่ากรณีนี้ไม่มีส่วนต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินครั้งแรก เพราะ บริษัท ก. ออกตั๋วแลกเงินให้บริษัท ข. ด้วยราคาเท่ากับมูลหนี้ ส่วนบริษัท ข. ขายต่อให้ตลาดรองโดยมี ส่วนลด สมาคมฯ เห็นว่า ส่วนลดดังกล่าวนี้ไม่เป็นส่วนต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน ครั้งแรก 3. การไถ่ถอนตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้ออก ผู้ทรงตั๋วแลกเงินคนสุดท้าย สามารถไถ่ถอนกับ ธนาคารผู้เป็นคู่สัญญากับธนาคารผู้ออกตั๋วโดยผ่านระบบ Clearing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ธนาคาร ก. ออกตั๋วโดยมีส่วนลดครั้งแรก 10 บาท บริษัท ค. ผู้ทรงคนสุดท้ายซื้อ ตั๋วแลกเงินใบนี้โดยมีส่วนลดเพียง 2 บาท เมื่อถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน บริษัท ค. นำตั๋วไปไถ่ถอนกับ ธนาคาร ง. ซึ่งเป็นคู่สัญญากับธนาคาร ก. ผ่านระบบ Clearing ธนาคาร ง. จะจ่ายเงินให้บริษัท ค. ในราคาหน้าตั๋วโดยไม่มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ เพราะธนาคาร ง. จะไม่ทราบส่วนลด ครั้งแรกของตั๋วแลกเงินใบนี้และธนาคาร ง.ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ดังนี้ ธนาคาร ก. จะหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอย่างไร นอกจากนี้ กรณีมีการทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งธนาคารได้ เรียกเก็บค่าอากรแสตมป์จากบริษัท ก. ค่าอากรแสตมป์ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจะถือเป็นส่วนหนึ่ง ของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ และบริษัท ก. มีหน้าที่ต้องหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ 4. บริษัท ก. ได้ออกตั๋วแลกเงินราคาตามหน้าตั๋ว 100 บาท โดยขายให้ธนาคารในราคา 90 บาท ส่วนต่างของราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินครั้งแรกเท่ากับ 10 บาท ธนาคารขาย ตั๋วแลกเงินต่อให้บุคคลธรรมดาในราคา 92 บาท โดยธนาคารได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ 15% จาก ส่วนต่างครั้งแรก 10 บาท ต่อมาบุคคลธรรมดาขายตั๋วแลกเงินต่อให้บริษัท ค. ในราคา 98 บาท และ บริษัท ค. ถือตั๋วแลกเงินจนถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน สมาคมฯ หารือว่า นิติบุคคลผู้ทรงตราสารคนสุดท้าย (บริษัท ค.) ยังคงต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่าย ตั๋วเงินครั้งแรกอีกหรือไม่ 5. การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในวันที่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมาไถ่ถอนทำให้ผู้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แสดงยอดรายได้ในบัญชีไม่ตรงกับยอดรายได้ที่แสดงในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตัวอย่างเช่น บริษัท ค. ซื้อตั๋วแลกเงินจากตลาดรองในราคา 98 บาท แต่ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากยอด 10 บาท โดยผู้ออกตั๋วยืนยันว่าเงิน 10 บาท นี้คือส่วนต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคา จำหน่ายตั๋วเงินครั้งแรก ดังนั้น บริษัท ค. แสดงยอดรายได้ในบัญชีด้วยราคา 2 บาท ขณะที่รายได้ใน หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแสดงด้วยยอด 10 บาท สมาคมฯ หารือว่า บริษัท ค. ถูกหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินซึ่งไม่ตรงกับรายได้ที่ได้รับจริงทางบัญชี เมื่อบริษัท ค. ถูก ตรวจสอบจะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบกับบริษัทหรือไม่ ถ้ามีโปรดแนะนำข้อปฏิบัติที่จะ ทำให้ไม่เกิดปัญหาดังกล่าว |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. บริษัท ก. เป็นผู้ออกตั๋วแลกเงิน เมื่อตั๋วแลกเงินครบกำหนดไถ่ถอน บริษัท ง. นำตั๋วแลกเงินมาเรียกเก็บจากธนาคารและธนาคารนำเงินที่เรียกเก็บจากบริษัท ก. มาจ่ายให้แก่ บริษัท ง. ถือเป็นการกระทำแทนบริษัท ก. ผู้ออกตั๋ว บริษัท ก. จึงเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่บริษัท ง. ตามข้อ 4(3) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.106/2545 ฯ ลงวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2545 2. กรณีตาม 2. บริษัท ก. ออกตั๋วแลกเงินให้บริษัท ข. มูลค่า 100 บาท เพื่อชำระหนี้ค่า ซื้อสินค้าจากบริษัท ข. แล้วบริษัท ข. นำตั๋วแลกเงินไปขายลดในตลาดในราคา 95 บาท ส่วนต่าง จำนวน 5 บาท ที่บริษัท ข. ได้รับจากการขายลดตั๋วแลกเงิน ไม่ถือเป็นผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับ ราคาจำหน่ายตั๋วเงินที่บริษัทเป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน ตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร 3. กรณีตาม 3. การไถ่ถอนตั๋วแลกเงินผ่านระบบ Clearing นั้น ถือว่า ธนาคารผู้ออกตั๋ว เป็นผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในวันที่มีการขึ้นเงินตามตั๋วแลกเงินนั้น ๆ คือ วันที่ได้มีการ Clearing ตั๋วแลกเงินเพื่อจ่าย เงินให้บริษัท ค. สำหรับกรณีที่มีการทำสัญญาค้ำประกันและธนาคารเรียกเก็บเงินค่าอากรแสตมป์จาก คู่สัญญา ธนาคารในฐานะผู้ค้ำประกันมีหน้าที่ต้องเสียอากรตามลักษณะแห่งตราสาร 17. ของ บัญชีอัตราอากรแสตมป์ เมื่อธนาคารเรียกเก็บเงินค่าอากรแสตมป์ของลูกค้า ถือว่าเงินค่าอากรแสตมป์ เป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าที่ได้รับจากการให้บริการค้ำประกัน ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น หากลูกค้าของธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ลูกค้าของธนาคารมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 4. กรณีตาม 4. การขายลดตั๋วแลกเงินของบริษัท ก. ให้บุคคลธรรมดานั้น บุคคลธรรมดา ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15.0 ของผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่าย ตั๋วเงินครั้งแรกตามมาตรา 50(2)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร หากต่อมาบุคคลธรรมดาขายตั๋วแลกเงินให้ แก่บริษัท ค. และบริษัท ค. ถือตั๋วแลกเงินจนถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนำไปไถ่ถอนกับบริษัท ก. บริษัท ก. ผู้ออกตั๋วยังคงต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากบริษัท ค. ในอัตราร้อยละ 1.0 ตามข้อ 4(3) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดย ท.ป.106/2545 ฯ ลงวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2545 5. กรณีที่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินคนสุดท้ายซึ่งเป็นผู้ไถ่ถอนตั๋วแลกเงินมียอดรายได้ที่ได้รับจากการ ไถ่ถอนไม่ตรงกับยอดรายได้ที่แสดงในหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเนื่องจากยอดรายได้ที่ แสดงไว้ในหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เป็นยอดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องหักไว้มิใช่ยอด รายได้จริงที่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินได้รับ แต่ยอดรายได้ที่ผู้ทรงตั๋วแลกเงินได้รับจากการไถ่ถอนตั๋วเป็นยอด รายได้จริงที่เกิดจากการประกอบกิจการ หากผู้ทรงตั๋วแลกเงินดังกล่าวมีหลักฐานแสดงได้โดยชัดเจนว่า ยอดรายได้ที่ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เป็นยอดจากผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน แม้ยอดรายได้ทั้งสองจำนวนจะไม่ตรงกันก็ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่เกิดจากการฝ่าฝืนบทบัญญัติของ กฎหมายแต่อย่างใด และจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการตรวจสอบ หากว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ กฎหมายกำหนดไว้ |
เลขตู้ | : 65/31575 |