เลขที่หนังสือ | : กค 0811/5698 |
วันที่ | : 26 มิถุนายน 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีแหล่งเงินได้ ตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 41 |
ข้อหารือ | : บริษัท น. ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท A ณ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (ไม่มีสำนักงานใน ประเทศไทย) และบริษัท A ได้ทำสัญญาร่วมค้ากับ B เพื่อประกอบกิจการตั้งโรงงานผลิตและจำหน่าย น้ำตาลทรายในประเทศจีน ตามสัญญาร่วมทุน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2536 วันที่ 16 กันยายน 2536 ผู้อุทธรณ์เข้าทำงานเป็นพนักงานประจำในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ บริหารประจำสาขาประเทศจีน ให้กับบริษัท น. ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท น. ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2538 และวันที่ 1 มกราคม 2539 ผู้อุทธรณ์ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานประจำ ในบริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทต่างประเทศ ในตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายขายประจำสาขาในประเทศจีน โดย ได้รับเงินเดือนเป็นรายเดือน เดือนละ 73,346 บาท บริษัท น. และบริษัท A ได้ทำบันทึกข้อตกลงให้ บริษัท น. สำรองจ่ายค่าจ้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองบริษัท ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ในกิจการของสาขาของบริษัท A ในประเทศจีนไปก่อนแล้วจึงเรียกเก็บไปยังบริษัท A ในภายหลัง ในปี 2540 ผู้อุทธรณ์มีเงินได้เป็นจำนวนเงิน 868,153 บาท บริษัท น. ได้สำรองจ่ายเงินเดือนของผู้อุทธรณ์ แทนบริษัท A ตามข้อตกลงข้างต้น โดยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคาร โดยการสำรองจ่ายค่าจ้างผ่าน ระบบ Pay Roll บริษัท น. จึงต้องรายงานค่าจ้างในแบบ ภ.ง.ด. 1 , ภ.ง.ด. 1 ก และได้ยื่น แบบแสดง รายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) แต่มิได้ชำระภาษีไว้เนื่องจากผู้อุทธรณ์ อยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 180 วัน จึงถูกประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวข้างต้น ซึ่ง เจ้าพนักงานประเมินชี้แจงว่า เงินได้พึงประเมินที่ผู้อุทธรณ์ได้รับเป็นเงินได้เนื่องจากกิจการของนายจ้าง ในประเทศไทยและจ่ายเงินได้ในประเทศไทย |
แนววินิจฉัย | : บริษัท A นายจ้างในต่างประเทศเป็นผู้จ่ายเงินเดือนซึ่งเป็นเงินตามมาตรา 40(1) แห่ง ประมวลรัษฎากร ให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในต่างประเทศโดยตรง โดยบริษัท น. เป็นผู้สำรองจ่ายก่อน แล้วจึงเรียกเก็บไปยังบริษัท A ตามข้อตกลง กรณีจึงเป็นเงินได้เนื่องจากกิจการที่ทำในต่างประเทศของ นายจ้างในต่างประเทศ ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินที่อยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ว่าเงินได้ดังกล่าวจะจ่าย ในหรือจ่ายนอกประเทศ ดังนั้น บริษัท น. ซึ่งเป็นผู้สำรองจ่ายเงินเดือนของผู้อุทธรณ์ จึงไม่ถือเป็น ผู้จ่ายเงินได้และไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50(1) แห่ง ประมวลรัษฎากร และการที่ผู้อุทธรณ์มีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือนตามมาตรา 40 แห่ง ประมวลรัษฎากร เนื่องจากหน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ โดยบริษัท น. ในประเทศไทย ได้สำรองจ่าย แทนนายจ้างในต่างประเทศโดยเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้อุทธรณ์ในประเทศไทย ถือได้ว่าได้นำ เงินได้พึงประเมินดังกล่าวนั้นเข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่ผู้อุทธรณ์มิได้อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วัน ในปีภาษี 2540 จึงไม่ถือว่าผู้อุทธรณ์เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย และไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ใน ประเทศไทย ตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 65/31698 |