เลขที่หนังสือ | : กค 0811/4140 |
วันที่ | : 20 พฤษภาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีบริษัทต่างประเทศให้บริการรับจ้างขุดเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียม |
ข้อกฎหมาย | : พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 |
ข้อหารือ | : บริษัท C ได้รับสัมปทานให้เป็นผู้ดำเนินงานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมและก๊าซ สำหรับแปลงสำรวจบนบกหมายเลข 123 ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท R ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้เข้ามาดำเนินการขุดเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมในแปลงสำรวจดังกล่าว บริษัท R ได้นำแท่นขุดเจาะพร้อมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการขุดเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมให้แก่ บริษัท C ผู้ได้รับสัมปทาน และขนย้ายแท่นขุดเจาะออกไปนอกราชอาณาจักรเมื่อการปฏิบัติงานเสร็จสิ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 64 วัน จึงขอหารือว่า กรณีดังกล่าวจะถือว่าบริษัท R มี สถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามข้อ 5 วรรค 2 (ฉ) แห่งความตกลงฯ หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. เงินค่าตอบแทนการให้บริการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม ตามสัญญาฯ ที่ บริษัท R ได้รับ ถือเป็น "กำไรจากธุรกิจ" ซึ่ง บริษัท R จะต้องเสียภาษีในประเทศไทย ต่อเมื่อประกอบธุรกิจโดยผ่าน ทางสถานประกอบการถาวรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ตามนัยข้อ 7 และ ข้อ 5 แห่งความตกลงระหว่าง ราชอาณาจักรไทยกับประเทศออสเตรเลีย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยง รัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ 2. กรณี บริษัท R ซึ่งมิใช่ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม แต่เป็นเพียงผู้รับจ้างเหมาให้บริการ ขุด เจาะสำรวจปิโตรเลียม โดยนำแท่นขุดเจาะพร้อมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการให้แก่ บริษัท C ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมซึ่งได้รับสัมปทานในแปลงสำรวจเท่านั้น การให้บริการดังกล่าวจึงถือมิได้ว่า บ่อน้ำมัน บ่อก๊าซ หรือสถานที่อื่นใดที่มีการขุดเจาะปิโตรเลียมในแปลงสำรวจนั้น เป็น สถานประกอบการถาวรของ บริษัท R ตามคำนิยามในข้อ 5 วรรคสอง (ฉ) แห่งความตกลงฯ หากแต่ การที่ บริษัท R นำแท่นขุดเจาะรวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ขุดเจาะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาขุดเจาะใน แปลงสำรวจดังกล่าวนั้นเอง ที่เข้าลักษณะเป็นที่ตั้งอาคาร โครงการก่อสร้างหรือโครงการประกอบ ซึ่ง ถือเป็นสถานประกอบการถาวร หากดำรงอยู่เกินกว่า 6 เดือน แต่เนื่องจากการให้บริการดังกล่าวของ บริษัท R มีระยะเวลาดำเนินการเพียง 64 วัน ซึ่งไม่เกินกว่า 6 เดือน การให้บริการดังกล่าวจึงยังถือ ไม่ได้ว่า บริษัท R ประกอบธุรกิจโดยผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามคำนิยาม สถานประกอบการถาวรตามข้อ 5 วรรคสอง (ช) แห่งความตกลงฯ บริษัท R จึงได้รับการยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากเงินค่าตอบแทนการให้บริการดังกล่าว ตามข้อ 5 และข้อ 7 วรรคแรก แห่งความตกลงฯ ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ฉะนั้น บริษัท C ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษี เงินได้ ณ ที่จ่ายเมื่อได้ชำระค่าบริการ ตามสัญญาให้แก่ บริษัท R |
เลขตู้ | : 65/31448 |