เลขที่หนังสือ | : กค 0811/ก.598 |
วันที่ | : 14 พฤษภาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีธุรกิจตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) |
ข้อกฎหมาย | : คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 |
ข้อหารือ | : กลุ่มสมาคมตัวแทนออกของได้ขอให้กรมสรรพากรพิจารณาปรับลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จากอัตราร้อยละ 3.0 เป็นอัตราร้อยละ 1.0 แต่หากไม่สามารถปรับลดอัตราลงได้ ขอให้เจ้าของสินค้า หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) ในอัตราร้อยละ 3.0 จากค่าบริการจริง ไม่รวม ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จรับเงินและค่าใช้จ่ายตามประเพณี โดยชี้แจงโครงสร้างธุรกิจตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1. ตัวแทนออกของหรือที่เรียกว่า ชิปปิ้ง ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนของผู้นำเข้าและผู้ส่งออก ในการดำเนินพิธีการศุลกากรแทนเจ้าของสินค้า โดยจัดทำใบขนสินค้า ยื่นใบขนสินค้า ตรวจปล่อยสินค้า และส่งมอบสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศให้แก่ผู้นำเข้า หรือส่งออกสินค้าให้แก่ผู้ส่งออก ซึ่งตัวแทนออก ของจะได้รับผลตอบแทนจากการดำเนินงานในลักษณะเป็นบำเหน็จหรือค่าจ้างจากเจ้าของสินค้าหรือ ตัวแทนของเจ้าของสินค้า 2. วิธีการที่ตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) เบิกเงินจากเจ้าของสินค้า 2.1 การเบิกเงินค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจากเจ้าของสินค้า หรือที่เรียกว่า "เงินค่า Advance" ซึ่งตัวแทนออกของจะเบิกเงินล่วงหน้าที่เป็นค่าใช้จ่ายในการออกของ โดยตัวแทนออกของ อาจจะออกใบรับเงินให้แก่ลูกค้า และเมื่อดำเนินงานเสร็จแล้วจะนำค่าใช้จ่ายจริงมาเบิกเพื่อปิดบัญชี "เงินค่า Advance" ซึ่งอาจรวบรวมจากการทำงานหลาย ๆ ครั้งเพื่อเบิกปิดบัญชีเงินค่า Advance ใน ครั้งเดียว หรือแยกออกเป็นแต่ละครั้งก็ได้ 2.2 ตัวแทนออกของได้มีการสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนให้กับเจ้าของสินค้าไปก่อน ภายหลังงานเสร็จ ตัวแทนออกของจะเบิกเงินที่สำรองจ่ายไปพร้อมทั้งค่าบริการในการดำเนินงานจาก เจ้าของสินค้า ซึ่งอาจเรียกเก็บเงินโดยการรวบรวมงานหลายครั้งหรือเรียกเก็บเงินแต่ละครั้งก็ได้ 2.3 ตัวแทนออกของอาจเบิกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจากเจ้าของสินค้า และมีการสำรองจ่าย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วยก็ได้ 3. ลักษณะของค่าใช้จ่ายที่ตัวแทนออกของเรียกเก็บจากเจ้าของสินค้า ดังนี้ 3.1 ค่าใช้จ่ายที่มีใบเสร็จรับเงิน ซึ่งระบุชื่อของเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของ สินค้าในใบเสร็จรับเงิน หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ได้มีการจ่ายโดยเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของ สินค้า ซึ่งตัวแทนออกของทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการจ่ายเงินแทนเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของ สินค้า ผู้รับเงินจึงออกใบเสร็จรับเงินในนามของเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของสินค้าและตัวแทน ออกของจะส่งมอบใบเสร็จรับเงินดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของสินค้า ค่าใช้จ่าย เหล่านี้ได้แก่ ค่าภาระ (Port Handling Charge) ค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งจ่ายให้แก่ท่าเรือ คลังสินค้า และผู้ประกอบการท่าเอกชนต่าง ๆ ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของ กรมศุลกากร หรือค่าธรรมเนียมของราชการและรัฐวิสาหกิจ ค่าขนส่งสินค้า ค่าภาระท่าเรือ เป็นต้น 3.2 ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จรับเงินและค่าใช้จ่ายตามประเพณี เป็นค่าใช้จ่ายซึ่งได้รับ การยินยอมโดยสมัครใจของเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนของเจ้าของสินค้าหรือผู้ว่าจ้างว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่มี จริง และเจ้าของสินค้ามีความประสงค์ที่จะจ่าย 3.3 ค่าบริการของตัวแทนออกของซึ่งเป็นค่าบำเหน็จ หรือค่าจ้างที่เจ้าของสินค้าจ่ายให้ แก่ตัวแทนออกของเมื่อทำงานเสร็จ ในทางปฏิบัติ ตัวแทนออกของอาจออกใบแจ้งหนี้เฉพาะค่าบริการหรือ อาจรวมค่าบริการในใบแจ้งหนี้ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการออกของที่ดำเนินการแทนเจ้าของสินค้า 4. กลุ่มสมาคมตัวแทนออกของมีความเห็นว่า ในการจัดทำใบขนสินค้า 1 ฉบับ จะมีค่าใช้จ่าย แฝงที่เป็นรายจ่ายของเจ้าของสินค้า ซึ่งผู้รับเงินมิได้ออกใบเสร็จรับเงินในนามของเจ้าของสินค้า ประมาณร้อยละ 60 ดังนั้น เมื่อตัวแทนออกของได้ออกใบแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินจากเจ้าของสินค้าจำนวน 100 บาท จึงเป็นค่าบริการของตัวแทนออกของจริงเพียงจำนวน 40 บาท มิใช่จำนวน 100 บาท ส่วน อีก 60 บาท ถือเป็นการจ่ายแทนเจ้าของสินค้า เจ้าของสินค้าจึงควรหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา ร้อยละ 3.0 จากค่าบริการจำนวน 40 บาท เท่านั้น |
แนววินิจฉัย | : 1. การประกอบธุรกิจตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในฐานะเป็น ตัวแทนกระทำพิธีการศุลกากรแทนเจ้าของสินค้า กรณีเจ้าของสินค้าได้จ่ายเงินล่วงหน้า (เงิน Advance) ให้แก่ตัวแทนออกของเพื่อดำเนินการกระทำพิธีการศุลกากร เจ้าของสินค้าไม่มีหน้าที่ต้องหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในขณะที่จ่ายเงินจำนวนเงินดังกล่าว และเมื่อตัวแทนออกของจ่ายค่าใช้จ่ายในการ ออกของในนามของเจ้าของสินค้าให้แก่ส่วนราชการ หรือองค์การของรัฐบาล ซึ่งไม่มีหน้าที่เสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตัวแทนออกของไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และเมื่อเจ้าของสินค้าจ่าย เงินค่าใช้จ่ายในการออกของคืนให้แก่ตัวแทนออกของ ตามใบเสร็จรับเงินของส่วนราชการหรือองค์การ ของรัฐบาลนั้น เจ้าของสินค้าก็ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 2. กรณีตัวแทนออกของได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการดำเนินพิธีการออกของในนามเจ้าของสินค้าให้ แก่ผู้ประกอบการอื่น ตัวแทนออกของมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 ซึ่งเจ้าของ สินค้ามีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ประกอบการ และยื่นรายการภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 อย่างไรก็ดี ตัวแทนออกของจะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ประกอบการแทนเจ้าของสินค้าก็ได้ โดยใช้แบบพิมพ์หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของตัวแทนออกของ แต่ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของเจ้าของสินค้าด้วย และ ตัวแทนออกของจะต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 เป็นรายฉบับแต่ละราย เจ้าของสินค้า โดยตัวแทนออกของจะต้องระบุชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของเจ้าของสินค้า ในช่อง "ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย" และระบุชื่อตัวแทนออกของในช่อง "ผู้จ่ายเงิน" ซึ่งกรมสรรพากร จะออกใบเสร็จรับเงินในนามของเจ้าของสินค้า และตัวแทนออกของต้องส่งสำเนาแบบ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งใบเสร็จรับเงินให้แก่เจ้าของสินค้าด้วย ต่อมาเมื่อเจ้าของสินค้าจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนิน พิธีการออกของจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ตัวแทนออกของ เจ้าของสินค้าไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 3. กรณีตัวแทนออกของได้รับค่าบำเหน็จหรือค่าจ้าง เนื่องจากการให้บริการในฐานะเป็น ตัวแทนกระทำพิธีการศุลกากรแทนเจ้าของสินค้า กรณีตามตัวอย่าง เจ้าของสินค้าจ่ายค่าบำเหน็จให้แก่ ตัวแทนออกของจำนวน 100 บาท ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร หากเจ้าของสินค้าเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น จ่ายค่าบำเหน็จให้แก่ตัวแทนออกของ ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย เจ้าของสินค้ามีหน้าที่ต้องหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบำเหน็จจำนวน 100 บาท ตามข้อ 3/1 ของ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 ฯ ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เจ้าของสินค้าไม่ สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากจำนวน 40 บาท เนื่องจากตัวแทนออกของกระทำการในฐานะเป็น ตัวแทนของเจ้าของสินค้า หากรายจ่ายจำนวน 60 บาท เป็นรายจ่ายของเจ้าของสินค้ามิใช่รายจ่ายของ ตัวแทนออกของตัวแทนออกของย่อมต้องมีใบเสร็จรับเงินในนามของเจ้าของสินค้าแสดงว่าได้จ่ายไปจริง ซึ่งเป็นรายจ่ายที่ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (18) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 65/31419 |