เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0811/2657
วันที่: 29 มีนาคม 2545
เรื่อง: ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีขอยกเว้นภาษีและเงินเพิ่มจากการขายอสังหาริมทรัพย์
ข้อกฎหมาย: มาตรา 3(6), มาตรา 91/2(6), มาตรา 91/6(3)
ข้อหารือ: เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2538 นาย พ. ได้ทำสัญญาซื้อบ้านจัดสรรของบริษัท ล.เนื้อที่ 17
ตารางวา ตั้งอยู่บนที่ดินเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยจำนองบ้านและที่ดินดังกล่าวกับธนาคาร
ต่อมานาย พ. ได้ย้ายไปรับราชการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ จึงขายบ้านดังกล่าวไป
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 ในราคา 633,000 บาท ราคาประเมิน 292,928 บาท โดยได้รับเงิน
237,000 บาท ที่เหลือให้ผู้ซื้อผ่อนกับธนาคาร ต่อมานาย พ. ได้รับแจ้งจากสำนักงานสรรพากรจังหวัด
ให้ยื่นแบบชำระภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายบ้านพร้อมที่ดินดังกล่าว พร้อมทั้งเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ
0.75 ต่อเดือน ภายในเดือนตุลาคม 2544 แต่นาย พ. ไม่มีเงินจึงได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์สำนักงาน
สาธารณสุขจังหวัด และได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 จึงได้นำเงินภาษีธุรกิจเฉพาะและ
เงินเพิ่มสำหรับการขายบ้านพร้อมที่ดินดังกล่าวไปชำระที่สำนักงานสรรพากรอำเภอในวันที่ 1 พฤศจิกายน
2544 ซึ่งล่าช้าไป 1 วัน จึงต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน นาย พ. จึงขอยกเว้นการ
เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือถ้าต้องเสีย ก็ขอให้เสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 0.75 ต่อเดือน
แนววินิจฉัย: 1. การขายบ้านพร้อมที่ดินเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 17 ตารางวา ที่ได้มา
โดยการซื้อเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2538 และได้ขายไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 โดยผู้ขายไม่มีชื่อ
อยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และได้อาศัยเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับแต่
วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้น จึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ภายในห้าปีนับแต่วันที่ได้มาซึ่ง
อสังหาริมทรัพย์ เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 3(6)
แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา
91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 3.0 ของยอดรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และ
ภาษีท้องถิ่นอีกร้อยละ 10 ของภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมเป็นร้อยละ 3.3 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด
ๆ ตามมาตรา 91/5(6) และมาตรา 91/6(3) แห่งประมวลรัษฎากร โดยใช้ราคาที่ได้รับหรือราคา
ตามสัญญาขายบ้านพร้อมที่ดิน แต่ไม่น้อยกว่าราคาพึงได้รับตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการ
โอนแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า
2. กรณีตามข้อเท็จจริง นาย พ. ไปชำระภาษีธุรกิจเฉพาะและเงินเพิ่มจำนวน 31,072
บาท ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 จึงเป็นการไม่ใช้สิทธิภายในกำหนดเวลาตาม
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าว นาย พ. จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และเงินเพิ่ม
ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสีย ตามมาตรา 89/1 แห่ง
ประมวลรัษฎากร และเบี้ยปรับตามมาตรา 89(2) และมาตรา 91/21(6) แห่งประมวลรัษฎากร แต่
เนื่องจากนาย พ. ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงให้งดเบี้ยปรับ ส่วนการยกเว้นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
และยกเว้นเงินเพิ่ม กรณีดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจกระทำได้
เลขตู้: 65/31357


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020