เลขที่หนังสือ | : กค 0811/2258 |
วันที่ | : 18 มีนาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารและบริษัทบัตรเครดิต |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 40(8), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528ฯ, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัท ซ. มีความประสงค์ขอผ่อนผันการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย กรณีการจ่าย ค่าบริการที่ต้องมีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายให้กับธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ และ บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ โดยเป็น การจ่ายผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงิน ซึ่งผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงิน โดยมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ธนาคารผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีหน้าที่ต้องยื่น รายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ระบุวัน เดือน หรือ ปีภาษีที่จ่ายเงินได้เป็นวันเดียวกันกับวันที่มีการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงินตาม คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2544 แต่เนื่องจากจำนวนครั้งในการหักภาษี ณที่จ่ายสำหรับ ค่าธรรมเนียมและค่าบริการต่าง ๆ ในแต่ละเดือนมีจำนวนมาก และบริษัทฯ รับบริการบัตรเครดิตของ ธนาคารหลายแห่ง บริษัทฯ จึงขอผ่อนผันกรณีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ ต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น ค่าบริการบัตรเครดิตของธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมการ โอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าและค่าบริการ ค่าธรรมเนียมเช็ค L/C และ TELEX CHARGES และกรณีการ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณที่จ่าย โดยให้บริษัทฯ และบริษัทในเครือเดียวกัน สามารถรวบรวมหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตทุก ๆ สิ้นเดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอหารือว่า กรณีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารสำหรับการโอนเงิน จากบัญชีออมทรัพย์ (Saving) ไปบัญชีกระแสรายวัน (Current) หรือการโอนเงินจาก บัญชีกระแสรายวัน (Current) ไปบัญชีออมทรัพย์ (Saving) ถือเป็นการจ่ายค่าบริการที่บริษัทฯ จะ ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่ หากบริษัทฯ จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าบริการ ดังกล่าว บริษัทฯ จะขอผ่อนผันการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยออก หนังสือรับรองการหักภาษีหัก ณ ที่จ่าย ทุก ๆ สิ้นเดือนได้หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีบริษัทฯ และบริษัทในเครือเดียวกันจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการต่าง ๆ ให้กับ ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงิน หรือไม่ก็ตาม ถือเป็นการจ่ายค่าบริการซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง ประมวลรัษฎากร บริษัทฯ และบริษัทในเครือเดียวกันมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 บริษัท ฯ และบริษัทในเครือเดียวกันมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีหน้าที่ต้องยื่น รายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย อย่างไรก็ดี เนื่องจากในแต่ละเดือนบริษัทฯ และบริษัทในเครือเดียวกัน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและค่าบริการต่าง ๆ ให้กับธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตเป็นจำนวนหลายคราว ทำให้ไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ทันภายในเวลาที่ กฎหมายกำหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จึงผ่อนผันให้ บริษัทฯ และบริษัทในเครือเดียวกันจำนวน 11 ราย ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ไม่ต้องออก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการต่าง ๆ ในทันทีทุกครั้งที่มี การหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ครั้งต่อเดือน แต่บริษัทฯ และ บริษัทในเครือเดียวกันดังกล่าว ยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร และต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2. ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างบัญชีออมทรัพย์ (Saving) ไปบัญชีกระแสรายวัน (Current) หรือการโอนเงินจากบัญชีกระแสรายวันไปบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคารเรียกเก็บ เข้าลักษณะเป็น การให้บริการตามสัญญาระยะยาวซึ่งไม่สามารถคำนวณค่าบริการที่จะได้รับทั้งสิ้นเป็นจำนวนที่แน่นอน แต่ ผู้รับบริการจะต้องชำระค่าบริการภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการจ่ายค่าบริการไม่ถึงหนึ่งพันบาท ผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่หากการจ่ายค่าบริการครั้งต่อไปซึ่งเมื่อนำไปรวมกับ ค่าบริการครั้งที่ผ่านมาที่มีการจ่ายไปแล้วเป็นจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยจะต้องนำเงินค่าบริการที่จ่ายในครั้งก่อน ๆ มารวมคำนวณเพื่อหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายด้วย ซึ่งค่าบริการดังกล่าวถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่ง ประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 ประกอบกับ คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2544 |
เลขตู้ | : 65/31311 |