เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0811/2216
วันที่: 15 มีนาคม 2545
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการขออนุมัติคำนวณภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ทวิ, มาตรา 65 ตรี, มาตรา 71(1)
ข้อหารือ: สำนักงานสรรพากรภาคได้หารือกรณีการขออนุมัติคำนวณภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 5 ของ
ยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้
1. บริษัท ก. ตั้งอยู่ในประเทศมอริเชียสเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ได้
เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท อี. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และได้ส่งพนักงานเข้ามาร่วมบริหารงานด้วย
เป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน โดยบริษัท อี. รับภาระจ่ายค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเช่ารถ
ค่ารักษาพยาบาล และต้องส่งเงินค่า Management Service ตามสัญญา แต่ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับ
พนักงานที่มาร่วมบริหาร
2. จากข้อเท็จจริง บริษัทฯ ได้ส่งผู้บริหารชาวต่างชาติเข้ามาบริหารร่วมกับบริษัท อี. เป็น
ระยะเวลานานเกินกว่า 6 เดือน (เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2543 ถึงปัจจุบัน) ถือว่าบริษัทฯ มี
สถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 แห่งความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
กับรัฐบาลแห่งมอริเชียส เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ซึ่งมีผล
ทำให้บริษัทฯ ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ ตามมาตรา 66 วรรคสอง
และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดยถือปฏิบัติตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.13/2529 ฯ
ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2529 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.14/2529 ฯ ลงวันที่ 30
มิถุนายน พ.ศ. 2529 และคำนวณจากยอดรายได้ดังนี้
- ค่าบริการทั้งสิ้น
- ค่าตอบแทนที่บริษัท อี. ต้องจ่ายให้ผู้บริหารของบริษัทฯ ในประเทศไทย ได้แก่
ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเช่ารถ ค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายตามปกติของงานบริการของ
บริษัทฯ
- การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ โดยคำนวณจาก
รายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุ
ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร และต้องยื่นรายการภายในหนึ่งร้อยห้าสิบ
วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมด้วยงบดุลบัญชีทำการ และบัญชี
กำไรขาดทุนที่มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรอง
3. ระหว่างปี 2543 บริษัทฯ ได้รับค่า Management Service จากบริษัท อี. เป็น
จำนวนเงิน 11,764,705.92 บาท และบริษัทผู้จ่ายเงินได้ ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายนำส่งไว้แล้วตาม
แบบ ภ.ง.ด.54 ในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนเงิน
1,764,705.89 บาท
แนววินิจฉัย: เนื่องจากบริษัทฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างประเทศได้ส่งผู้บริหารเข้ามาปฏิบัติงานด้านการบริหาร
การให้คำแนะนำปรึกษา โดยผู้บริหารดังกล่าวอยู่ในประเทศไทยมีกำหนดระยะเวลาเกินกว่า 6 เดือน
ถือว่าบริษัทฯ มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 แห่งความตกลงระหว่าง
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมอริเชียส เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการ
เลี่ยงการรัษฎากร บริษัทฯ จึงต้องนำรายได้ที่ได้จากบริษัท อี. ได้แก่ ค่า Management Service
ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเช่ารถ ค่ารักษาพยาบาล มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐาน
กำไรสุทธิตามมาตรา 66 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุในมาตรา
65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร และเนื่องจากบริษัทฯ มีการจ่ายเงินเดือนให้แก่
ผู้บริหารที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งสามารถนำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ดังนั้น
จึงไม่อนุมัติให้บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยคำนวณเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับ
ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 65/31298

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020