เลขที่หนังสือ | : กค 0811/2024 |
วันที่ | : 7 มีนาคม 2545 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีปัญหาในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้ากลับเข้ามาในราชอาณาจักร |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(8)(ค), มาตรา 77/1(14), มาตรา 81(2)(ค) |
ข้อหารือ | : สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ได้มีหนังสือหารือกรมศุลกากร โดยขอยกเว้นอากรใน ลักษณะผ่อนผันใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามา เนื่องจากขณะส่งออก บริษัทซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้ยื่น คำขอจัดทำใบขนสินค้าขาออกพร้อมคู่ฉบับ จำนวน 2 ชุด (ใบขนสินค้าขาออกมุมน้ำเงิน) เพื่อประโยชน์ ในการขอชดเชยค่าภาษีอากรและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากร แต่เมื่อสินค้าที่ส่งออกไปนั้นถูกส่ง กลับคืนเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งกรมศุลกากรเห็นว่า ควรมีการตรวจสอบการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังกล่าวกับกรมสรรพากรก่อนที่จะผ่อนผันใบสุทธิสำหรับนำกลับให้กับบริษัท บริษัทได้ชี้แจงว่าคู่ฉบับ ใบขนสินค้าขาออกมีประโยชน์เป็นเพียงเอกสารประกอบรายงานต่อกรมสรรพากรเท่านั้น กรมสรรพากร มิได้คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ส่งออกจากคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออกแต่อย่างใด การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น กรมสรรพากรพิจารณาจากรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และใบกำกับภาษี โดยมิได้คำนวณคืนจาก ใบขนสินค้าขาออก จึงไม่จำเป็นที่กรมศุลกากรจะต้องตรวจสอบไปยังกรมสรรพากรในกรณีดังกล่าว กรมศุลกากรหารือว่า ในขณะส่งออกสินค้านั้น บริษัทได้ยื่นขอเพิ่มคู่ฉบับใบขนสินค้าขาออก (มุม น้ำเงิน) เพื่อประโยชน์ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ แต่หากของดังกล่าวได้ถูกส่งกลับคืนมาแล้ว กรมศุลกากรมีความจำเป็นต้องตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มจากคู่ฉบับ ใบขนสินค้าขาออกมุมน้ำเงินจากกรมสรรพากรก่อนทุกครั้งหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่อง ประดับส่งออก อัญมณีและเครื่องประดับไปต่างประเทศ โดยบริษัทได้ยื่นใบขนสินค้าขาออกและขอเพิ่มคู่ฉบับใบขนสินค้า ขาออก (มุมน้ำเงิน) เพื่อประโยชน์ในการขอชดเชยค่าภาษีอากรและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือเป็น การขายสินค้าโดยส่งออก ตามมาตรา 77/1(8)(ค) และมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่ง บริษัทจะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1)แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทถูกเรียกเก็บเนื่องจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการเพื่อใช้ในการประกอบกิจการ ของตน ย่อมเป็นภาษีซื้อของบริษัท ตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทมีสิทธินำมาหักใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากรได้ แต่ภาษีซื้อดังกล่าวต้องไม่เข้า ลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีบริษัทส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยขณะส่งออกได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางด้าน ภาษีอากร กล่าวคือ ได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร และในขณะส่งออกบริษัทมิได้ทำใบสุทธินำกลับเข้ามา ต่อมาสินค้าดังกล่าวถูกส่งกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งบริษัทต้องยื่นคำร้องขอรับการผ่อนผันใบสุทธิ สำหรับนำสินค้ากลับเข้ามาเพื่อให้บริษัทได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบริษัทต้อง คืนเงินชดเชยตามจำนวนที่ได้รับขณะส่งออกให้แก่ กรมศุลกากรตามความในหมายเหตุของประเภทที่ 1 ภาค 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ประกอบกับข้อ 4 03 01 01 (3)(3.3) (3.3.1)(ข) แห่งประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2544 ดังนั้น เมื่อสินค้าที่นำกลับเข้ามานั้นเข้า ลักษณะเป็นสินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วย พิกัดอัตราศุลกากร จึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(2)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทจึง ไม่มีหน้าที่ต้องลงรายการในรายงานภาษีซื้อตามมาตรา 87(2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่มีหน้าที่ต้องลง รายการในรายงานสินค้าและวัตถุดิบตามมาตรา 87(3) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 9 ของ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 89)ฯ ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2542 3. กรมศุลกากรสามารถพิจารณาเพื่ออนุมัติหรือไม่อนุมัติผ่อนผันใบสุทธิสำหรับการนำกลับเข้า มาของสินค้าที่ได้ส่งออกไป โดยไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบจากกรมสรรพากรก่อนการพิจารณาว่า บริษัทได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่ส่งออกแล้วหรือไม่แต่ประการใด |
เลขตู้ | : 65/31291 |