เลขที่หนังสือ | : กค 0811/1331 |
วันที่ | : 13 กุมภาพันธ์ 2545 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีขออนุมัติเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอด รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 66 วรรคสอง, มาตรา 71(1) |
ข้อหารือ | : สำนักงานสรรพากรภาคหารือปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีขออนุมัติเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในอัตรา ร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ สรุปข้อเท็จจริงได้ดังนี้ บริษัท ล. กรุงเทพฯ เป็นสาขาของบริษัท ล. ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของ ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ประกอบกิจการรับและขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทางอากาศระหว่าง ประเทศ โดยบริษัทฯ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศสำหรับเงินได้เนื่องจากการ ประกอบกิจการดังกล่าว ตามข้อบทที่ 8 แห่งความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่าง ประเทศไทยกับประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ประเภทอื่น อันได้แก่ ดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ ค่าใช้โทรศัพท์เป็นการส่วนตัวที่เรียกเก็บจากพนักงานตาม ความเป็นจริง ดอกเบี้ยจากเงินต้นซึ่งบริษัทฯ ให้พนักงานกู้ยืมในกรณีจำเป็น และรายได้อื่น ๆ ที่อยู่ ระหว่างการนำพิสูจน์ว่าเกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการของบริษัทฯ หรือไม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งว่า ไม่ สามารถคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ จึงใคร่ขออนุมัติเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ รายได้ดังกล่าว ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) แห่ง ประมวลรัษฎากร สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาและในรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน สรรพากรภาคมีความเห็นว่า บริษัทฯ ได้มีการจัดทำงบการเงิน บัญชีรายได้- รายจ่าย ซึ่ง สามารถคำนวณกำไรสุทธิโดยวิธีปกติได้ สำหรับรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการรับขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยอากาศยาน จึงเห็นควรไม่อนุมัติให้บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอด รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ สำหรับรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ค่าใช้โทรศัพท์เป็นการ ส่วนตัวที่เรียกเก็บจากพนักงานตามความเป็นจริง และดอกเบี้ยจากเงินซึ่งบริษัทฯ ให้พนักงานกู้ยืมในกรณี จำเป็น สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมา และในรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน |
แนววินิจฉัย | : การที่บริษัทฯ มีเงินได้ประเภทอื่นนอกเหนือจากรายได้อันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ ขนส่งระหว่างประเทศในส่วนที่เป็นค่าใช้โทรศัพท์เป็นการส่วนตัวที่เรียกเก็บจากพนักงานตาม ความเป็นจริง และดอกเบี้ยจากเงินซึ่งบริษัทฯ ให้พนักงานกู้ยืมในกรณีจำเป็นนั้น บริษัทฯ จะ ต้องนำ เงินได้ดังกล่าวมาคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยปกติตามมาตรา 66 วรรคสอง แห่ง ประมวลรัษฎากร แต่สำหรับรายได้เฉพาะที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ อนุมัติให้บริษัทฯ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรได้ โดยเริ่มตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2543 เป็นต้นไป |
เลขตู้ | : 65/31262 |