เลขที่หนังสือ | : กค 0811/11637 |
วันที่ | : 14 ธันวาคม 2544 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการเฉลี่ยภาษีซื้อของกิจการให้บริการ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 82/6, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ |
ข้อหารือ | : 1. บริษัทฯ ประกอบกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันปาล์มโดยเรือเดินทะเล ทั้งในประเทศ ระหว่างประเทศ และต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2541 โดยจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 และเริ่มยื่นแบบแสดงรายการ ภ.พ.30 ตั้งแต่เดือนภาษี กรกฎาคม 2541 บริษัทฯ เริ่มมีรายรับจากการให้บริการสำหรับกิจการต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2541 ดังนี้ (1) การขนส่งสินค้าในประเทศ โดยขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันปาล์มจากจังหวัด สุราษฎร์ธานีไปยังจังหวัดสมุทรปราการ และจากจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี (2) การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันปาล์ม จาก ประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย และจากประเทศไทยไปยังประเทศเวียดนาม และประเทศ มาเลเซีย (3) การขนส่งสินค้าในต่างประเทศ โดยขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันปาล์มจากรัฐหนึ่ง ไปยังอีกรัฐหนึ่งในประเทศมาเลเซีย และจากประเทศอินโดนีเซียไปยังประเทศมาเลเซีย 2. บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายที่ใช้ร่วมกันสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และ กิจการที่ ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ค่าซื้อเรือ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าซ่อมแซมเรือ โดยภาษีซื้อสำหรับ การซื้อสินค้าหรือรับบริการดังกล่าว บริษัทฯ ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของ กิจการประเภท ใด บริษัทฯ จึงเฉลี่ยภาษีซื้อตามสัดส่วนของรายได้ของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่มและกิจการที่ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีสิงหาคม 2541 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2542 ในอัตราส่วนร้อยละ 50:50 และได้ยื่นแบบแสดงรายการปรับปรุงภาษีซื้อที่เฉลี่ยตามส่วนของรายได้ (ภ.พ.30.2) สำหรับ เดือนภาษีสิงหาคม 2541 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2542 ดังกล่าว โดยขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 230,866.66 บาท 3. สภ. เห็นว่า 3.1 การให้บริการขนส่งสินค้านอกราชอาณาจักร เป็นกิจการที่ไม่อยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในการเฉลี่ยภาษีซื้อจึงไม่ต้องนำรายได้ของกิจการดังกล่าวมารวมเป็นฐานรายได้ทั้งของ กิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด ตามข้อ 4 ของ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 3.2 "รายได้ของปีที่ผ่านมา" ซึ่งใช้เป็นฐานในการเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับ ผู้ประกอบการที่ เป็นนิติบุคคลนั้นให้นับตามรอบระยะเวลาบัญชี กล่าวคือ การเฉลี่ยภาษีซื้อของปี 2541 ถึง 2542 ของ บริษัทฯ ซึ่งในปี 2541 บริษัทฯ มีรายได้ไม่ถึง 6 เดือนภาษี ให้บริษัทฯ ประมาณการรายได้ของกิจการ ทั้งสองประเภทของปีที่เริ่มมีรายได้ แล้วนำภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้ตามส่วนของประมาณการรายได้ของกิจการที่ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักออกจากภาษีขายได้จำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของภาษีซื้อที่นำมาเฉลี่ย เมื่อสิ้นปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทฯ เริ่มมีรายได้ (มีรายได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือนภาษี) ให้บริษัทฯ ปรับปรุงภาษีซื้อ ให้เป็นไปตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงของแต่ละประเภทกิจการ ภายในเดือนภาษีแรกของปี 2543 ตามหลัก "รายได้ของปีใดให้ใช้เป็นฐานในการเฉลี่ยภาษีซื้อสำหรับปีนั้น" ฉะนั้น หากบริษัทฯ มี รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี รายได้ซึ่งใช้เป็นฐานในการเฉลี่ย ภาษีซื้อในแต่ละปีก็ให้นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างรัฐในประเทศมาเลเซีย และระหว่างประเทศ อินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย ถือเป็นการให้บริการนอกราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการดังกล่าว นั้นนอกราชอาณาจักรทั้งสิ้น จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่ง ประมวลรัษฎากร ในการเฉลี่ยภาษีซื้อจึงไม่ต้องนำรายได้จากการให้บริการนอกราชอาณาจักรมารวมเป็น รายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือรายได้ของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 2. กรณีบริษัทฯ มีภาษีซื้อจากค่าใช้จ่ายที่ใช้ในกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและ ประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่สามารถแยกได้ชัดแจ้งว่าเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด บริษัทฯ จะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อดังกล่าวตามรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่ในกรณีที่เริ่มประกอบกิจการหรือได้ ประกอบกิจการมาแล้วแต่ยังไม่มีรายได้ ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของประมาณการรายได้ของกิจการ ทั้งสองประเภทของปีที่เริ่มมีรายได้ (ปีแรกที่มีรายได้เกิดขึ้นจริงไม่น้อยกว่า 6 เดือนภาษี) และให้นำ ภาษีซื้อที่เฉลี่ยได้ตามส่วนของการประมาณการรายได้ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมาหัก ออกจากภาษีขาย แต่ภาษีซื้อดังกล่าวจะต้องไม่เกินกึ่งหนึ่งของภาษีซื้อที่นำมาเฉลี่ย และเมื่อสิ้นปีของปีแรก ที่เริ่มมีรายได้ ให้บริษัทฯ ปรับปรุงภาษีซื้อให้เป็นตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริง และสำหรับปีถัดจากปีที่ เริ่มมีรายได้ ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาโดยไม่ต้องปรับปรุงภาษีซื้ออีกตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 3. บริษัทฯ ประกอบกิจการในปี 2541 โดยมีรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2541 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 บริษัทฯ เริ่มมีรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ การขนส่งสินค้าภายในประเทศ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2541 เนื่องจากรายได้ที่เกิดขึ้นจริงในปีที่เริ่ม ประกอบกิจการ (ปี 2541) น้อยกว่า 6 เดือนภาษี จึงไม่ถือว่ารอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวเป็น "ปีที่ เริ่มมีรายได้" ดังนั้น บริษัทฯ จะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามข้อ 2(1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 ตั้งแต่เดือนภาษีมกราคม 2541 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2542 ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีปี 2542 คือ ตั้งแต่ เดือนภาษีมกราคม 2542 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2542 เป็น "ปีที่เริ่มมีรายได้" เมื่อสิ้นปี 2542 บริษัทฯ จึงต้องคำนวณภาษีซื้อที่หักได้จริงตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงของกิจการประเภทที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มของรอบระยะเวลาบัญชีปี 2542 และปรับปรุงภาษีซื้อที่ได้นำมาหักออกจากภาษีขาย ตาม หลักเกณฑ์ ตามข้อ 2(2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว สำหรับปี 2543 บริษัทฯ ต้องเฉลี่ย ภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมา คือ รอบระยะเวลาบัญชีปี 2542 โดยไม่ต้องปรับปรุงภาษีซื้ออีก ตามมาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 |
เลขตู้ | : 64/31168 |